Site icon Onlinenewstime.com – News and Knowledge to sustainability

แนะ ‘เปลี่ยนนาข้าวเป็นแปลงผัก’ พลิกวิกฤติภัยแล้ง

Onlinenewstime.com : สถานการณ์ภัยแล้งเป็นปัญหาน่าหนักใจสำหรับเกษตรกรไทยมานาน และในปีนี้ยิ่งเป็นที่น่ากังวลใจ จากแนวโน้มที่คาดว่าภัยแล้งจะมาถึงเร็วและรุนแรงกว่าปกติ ดัชนี Southern Oscillation Index (SOI) บ่งชี้ว่าในปี 2563 ปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Nino) ที่ส่งผลให้เกิดภาวะภัยแล้ง มีดัชนีติดลบรุนแรงในรอบ 17 ปี

ปรากฏการณ์นี้กำลังส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ต่อภาคเกษตรกรรมของไทย โดยเฉพาะในการทำนาปรัง เนื่องจากต้องใช้น้ำในการทำนาปรังในปริมาณมาก เกษตรกรผู้ปลูกข้าว จึงจำเป็นต้องปรับตัว และมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการรับมือกับภัยแล้ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการหันมาปลูกพืชผักที่ใช้น้ำน้อย เพื่อทดแทนการทำนา ช่วยเพิ่มรายได้ที่ขาดหายไป

ปัจจุบัน แม้เกษตรกร จะมีทางเลือกในการปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยมากขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ การเลือกสายพันธุ์ที่ดี มีคุณภาพ ทนทานต่อโรคและสภาพอากาศ ให้ผลผลิตดี และเก็บเกี่ยวได้เร็ว บริษัท เจียไต๋ จำกัด มีความเข้าใจในความต้องการของเกษตรกรเป็นอย่างดี และมุ่งดำเนินการการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกษตรกรได้มีเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพ เพื่อใช้ในการประกอบอาชีพ และสามารถส่งมอบผลผลิตที่สดใหม่ และปลอดภัยให้กับผู้บริโภค  

นายวโรนนท์ ดวงสุวรรณ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์ (Product Management) ธุรกิจเมล็ดพันธุ์ บริษัท เจียไต๋ จำกัด กล่าวว่า “สถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้มีแนวโน้มที่รุนแรงและแผ่วงกว้าง ส่งผลกระทบต่อการเกษตร โดยเฉพาะการทำนาในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เพราะการทำนาต้องใช้น้ำปริมาณมาก

ดังนั้นการปรับเปลี่ยนมาปลูกพืช ที่ใช้น้ำในปริมาณน้อยลง จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับเกษตรกร เจียไต๋เชื่อว่าการเพาะปลูกที่ดีนั้น จะต้องเริ่มมาจากเมล็ดพันธุ์คุณภาพ เราจึงดำเนินงานวิจัยและพัฒนาพันธุ์พืชมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยความตั้งใจ ที่จะส่งมอบเมล็ดพันธุ์ที่ดีให้กับเกษตรกร ซึ่งไม่เพียงจะช่วยให้เกษตรกรมีทางเลือกในการสร้างรายได้ แม้ในภาวะแล้งเท่านั้น ผู้บริโภคเองยังจะได้รับประทานผักที่มีคุณภาพ ที่ปลูกโดยเกษตรกรไทยของเราอีกด้วย”

แนะนำตัวอย่างเมล็ดพันธุ์คุณภาพดี ที่เกษตรกรสามารถเลือกปลูกในช่วงฤดูแล้ง เพื่อทดแทนการทำนาปรัง ได้แก่

  1. แตงโมพันธุ์ซอนญ่าพลัส เมล็ดพันธุ์ขายดีอันดับ 1 เนื้อแน่นกรอบ รสชาติหวาน ปลูกง่าย และทนต่อโรค เป็นที่ถูกใจทั้งคนปลูก คนรับซื้อ และผู้บริโภค แตงโมซอนญ่าพลัส มีระยะเก็บเกี่ยว 65 วันหลังจากหยอดเมล็ด ให้ผลผลิตประมาณ 4,000 กิโลกรัมต่อไร่  
  2. ฟักทองทองอำพัน 346 และฟักทองทองอำไพ 342  เป็นอีกผลผลิตจากความเชี่ยวชาญของเจียไต๋ ฟักทองทองอำพัน 346 และฟักทองทองอำไพ 342 เป็นฟักทองลูกใหญ่ที่เนื้อเหนียว รสชาติหวานมัน ทรงสวย ก้นหนาทนทานต่อการขนส่ง และเป็นที่ต้องการของตลาด มีระยะเก็บเกี่ยว 90 วันหลังจากหยอดเมล็ด ผลผลิตประมาณ 4,000 กิโลกรัมต่อไร่   
  3. ข้าวโพดหวานสีม่วงรอยัลริช  โดดเด่นด้วยสีม่วงสะดุดตา สามารถรับประทานได้ทั้งแบบสดและแบบต้ม ปลูกได้ทุกภาคของประเทศ เนื่องจากได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ ให้ทนต่อสภาพอากาศร้อนของไทย นอกจากนี้ไหมสีม่วงยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง สามารถนำมาแปรรูป ทำเป็นชาเพื่อสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง ข้าวโพดหวานสีม่วง รอยัลริชมีระยะเก็บเกี่ยว 65-70 วันหลังจากหยอดเมล็ด ผลผลิตประมาณ 2,500 กิโลกรัมต่อไร่  

สำหรับเกษตรกรที่กำลังมองหาทางเลือก ในการปลูกผักที่ใช้น้ำน้อยเพื่อทดแทนรายได้ที่ขาดหายไปจากการทำนา เจียไต๋ยังมีสายพันธุ์พืชผักอีกมากมาย ที่ได้รับการพัฒนาให้มีอัตราการงอกดี ให้ผลผลิตคุณภาพเกรดเอ ทนทานต่อโรค และทนทานต่อการขนส่ง สามารถปลูกทดแทนข้าวนาปรัง และช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงให้เกษตรกร

เช่น มะระเพชรแพร บวบเหลี่ยมแบล็คกรีน บวบงูเสนกกี้ แตงร้านเขียวอมตะ 2 แตงกวาเขียวมาลัย 2 มะเขือเทศซีซั่นไนท์ มะเขือเทศสีดากัญญา02 มะเขือเทศสีดาเพชรรุ่ง02 พริกขี้หนูดวงเศรษฐี พริกหนุ่มหยกสวรรค์ และพริกหนุ่มหยกสยาม

อีกทั้งยังมีบุคลากร ที่พร้อมให้คำแนะนำในการเพาะปลูกอย่างครบวงจร เพื่อคอยช่วยติดตาม ประเมินผล และช่วยเสริมสร้างความรู้ให้เกษตรกร สามารถเพาะปลูกได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดี สร้างรายได้ที่มั่นคง  ตามวิสัยทัศน์ของบริษัท ในการส่งมอบนวัตกรรมการเกษตรเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าอย่างยั่งยืนให้กับผู้คนทั่วทั้งภูมิภาค

Exit mobile version