Onlinenewstime.com : กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคผิวหนัง เผยกระแดดสามารถพบได้บ่อยถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ในคนที่มีอายุมากกว่า 50 ปี การรักษากระแดดต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญ และต้องดูแลตนเองให้ถูกวิธี
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า กระแดด เป็นหนึ่งในรอยโรคที่เกิดจากแสงแดด โดยรอยโรคที่พบได้บ่อยถึง 90 เปอร์เซ็นต์ในคนที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ซึ่งจะพบมากในบริเวณที่เจอแสงแดด เช่น ใบหน้า มือ หลังแขน เป็นต้น ซึ่งส่งผลทำให้ผู้ป่วยเกิดความกังวลและส่งผลถึงรูปลักษณ์ที่ไม่สวยงาม
จากแสงคลื่นช่วงแสงอัลตราไวโอเลต และช่วงแสงความร้อน ส่งผลทำให้เซลล์เม็ดสีเมลานินที่อยู่ในชั้นผิวหนังชั้นบน เกิดการขยายตัวมีขนาดใหญ่มากขึ้น และมีสีเข้มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้รอยโรคมีลักษณะเป็นสีน้ำตาลเข้ม ขอบชัดลักษณะเป็นวงรี บางครั้งมีรูปร่างและสีเข้มเหมือนตับ โดยอาจจะมีขนาดใหญ่ได้ถึง 6 เซนติเมตร
และจะพบได้บ่อยที่บริเวณใบหน้า ไหล่ แขน และหลังมือ ในรายที่มีประวัติเจอแสงแดดมาเป็นเวลานานๆ
แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การรักษากระแดดนั้น สามารถรักษาได้ดังนี้
- การรักษาด้วยยาทา เฉพาะที่กลุ่มยาทาลดรอยดำ เช่น hydroquinone, tretinoin, adaptable สามารถลดรอยดำได้ รวมถึงการใช้กรดลอกผิว ในความเข้มข้นที่ต่างๆ กัน ที่มีฤทธิ์ในการลอกผิวหนังชั้นบน พบว่าได้ผลดีในการรักษากระแดด รวมถึงรอยโรคจากแสงแดดชนิดอื่นๆ แต่ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญ ไม่แนะนำให้ซื้อมาทำเอง
- การรักษาด้วยการใช้ไนโตรเจนเหลว, เลเซอร์เม็ดสีโดยการใช้ไอเย็น และเลเซอร์รักษานั้น อาจจะต้องทำหลายครั้ง แต่ละครั้งจะมีแผลที่ตกสะเก็ด ถ้าเลี่ยงแดด และดูแลแผลไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดรอยดำมากขึ้น หรือทำให้เกิดรอยขาวได้
ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า การรักษาส่วนใหญ่ จะสามารถทำให้รอยโรคจางลง หรือหายไปได้ชั่วคราวและมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ค่อนข้างบ่อย แต่ส่วนใหญ่จะมีสีที่จางลงมากกว่าก่อนการรักษา ถ้าได้รับการรักษา และการดูแลแผลหลังการรักษาที่ถูกต้อง ดังนั้นก่อนทำการรักษาควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผิวหนัง เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม