fbpx
News update

โครงการ “อยู่เป็น” สนับสนุนธุรกิจเกี่ยวกับผู้สูงวัยทั้งระบบ

Onlinenewstime.com : รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ ชี้ช่องผู้ประกอบการไทยควรตื่นตัว และมองลู่ทางขยายธุรกิจรองรับสังคมผู้สูงอายุ พบมีโอกาสประสบความสำเร็จสูง พร้อมเตรียมเปิดตัวโครงการ ‘อยู่เป็น’ สนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุแบบครบวงจร แนะ ‘ผู้สูงวัยไทย’ ควรชะลอความแก่ของตนเอง  เป็นผู้สูงวัยที่มีคุณภาพ มีศักยภาพ

นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “ขณะนี้ประเทศไทย กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ โดยคาดว่าปี 2573 จะมีผู้สูงอายุประมาณ 17.4 ล้านคน หรือเกือบร้อยละ 30 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ

ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการไทย ที่ต้องการขยายธุรกิจหรือกำลังจะเริ่มต้นประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับผู้สูงอายุ มีโอกาสประสบความสำเร็จสูง เช่น บริการอาหาร-เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ วัสดุอุปกรณ์สำหรับผู้สูงอายุ ธุรกิจนำเที่ยว ศูนย์ออกกำลังกาย ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ โรงพยาบาล/สถานพยาบาล อสังหาริมทรัพย์ ประกันชีวิต/ประกันสุขภาพ ธุรกิจสันทนาการ และธุรกิจหลังความตาย ฯลฯ เป็นต้น

ยิ่งจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นมากเท่าไร ความต้องการสินค้าและบริการเฉพาะของผู้สูงอายุ ก็ยิ่งได้รับความนิยมและมีความต้องการ เพิ่มขึ้นตามไปด้วยเท่านั้น”

“ปัจจุบันธุรกิจรายใหญ่ของประเทศ และธุรกิจเอสเอ็มอีของไทย เริ่มหันมาสนใจผลิตสินค้าและบริการเฉพาะผู้สูงอายุมากขึ้น เนื่องจากเห็นโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ และเห็นผลกำไรที่ชัดเจน โดยกำหนดให้ผู้สูงอายุเป็นเป้าหมายหลัก ในการผลิตสินค้าและบริการ

ยึดหลักเข้าใจ เข้าถึง และตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้อย่างตรงจุด จึงนับเป็นทั้งโอกาส และความท้าทายของผู้ประกอบการไทย ในการขยายธุรกิจ หรือเข้าสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับผู้สูงอายุ ซึ่งในอนาคตผู้สูงอายุจะกลายเป็นกลุ่มประชากรหลักของประเทศ และมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น ธุรกิจที่สามารถรองรับความต้องการของกลุ่มผู้สูงอายุได้ จึงมีโอกาสเติบโตและประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก”

รมช.พณ. กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ได้ให้การสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการไทย ให้เข้าสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับผู้สูงอายุด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ ที่มีจำนวนไม่เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น

ซึ่งปัจจุบันบุตรหลาน มีการปรับเปลี่ยนทัศนคติ เรื่องการนำบุพการีมาฝาก ณ สถานดูแลผู้สูงอายุว่าไม่ได้เป็นการนำมาทิ้ง แต่เป็นการหาสังคมคนวัยเดียวกันให้แก่พ่อแม่ มีผู้ช่วยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง และไม่ปล่อยให้ต้องโดดเดี่ยวคนเดียว ยามที่ลูกหลานต้องไปทำงาน ทำให้สถานดูแลผู้สูงอายุ ได้รับความนิยมทั้งจากผู้สูงอายุเองและบุตรหลานอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ จากข้อมูลการจดทะเบียนนิติบุคคล พบว่า ปี 2562 มีธุรกิจดูแลผู้สูงอายุจำนวนทั้งสิ้น 376 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 2,226 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามีจำนวนไม่มาก เมื่อเทียบกับจำนวนผู้สูงอายุในไทย

อีกทั้ง มีชาวต่างชาติวัยเกษียณเดินทางเข้ามาใช้บริการ สถานดูแลผู้สูงอายุในไทยเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากประเทศไทย มีความพร้อมทุกด้าน เช่น อาหาร สถานพยาบาล สถานที่พักผ่อน ผู้ดูแลมีจิตบริการ ฯลฯ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญ ที่ดึงดูดชาวต่างชาติวัยเกษียณ ให้เดินทางเข้ามาใช้บริการมากขึ้น จึงทำให้ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ มีจำนวนไม่เพียงพอกับความต้องการ”

“และเพื่อเป็นการสนับสนุน ให้ผู้ประกอบการไทยเข้าสู่ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับผู้สูงอายุมากขึ้น จึงได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จัดทำโครงการ ‘อยู่เป็น’ ขึ้น เพื่อผลักดันให้ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับผู้สูงอายุมีความเข้มแข็งและเติบโตได้อย่างยั่งยืน

สามารถตอบสนองความต้องการ ของผู้สูงอายุและบุตรหลานได้อย่างครบวงจร ส่งเสริมให้ธุรกิจมีคุณภาพ มีมาตรฐาน เข้าถึงง่ายในราคาที่เหมาะสม รวมถึง เชิญชวนให้นักธุรกิจ ทั้งรายเดิมและรายใหม่ หันมาสนใจประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุมากขึ้น และผลักดันให้ไทย เป็นศูนย์กลางการดูแลผู้สูงอายุระดับภูมิภาค อันจะนำมาซึ่งรายได้มหาศาลเข้าประเทศ และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้สูงอายุ

โครงการ ‘อยู่เป็น’ มีกำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 นี้ ซึ่งเป็นวันแห่งความรัก ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นความรักระหว่างหนุ่มสาวเท่านั้น แต่เป็นความรักที่บริสุทธิ์ระหว่างบุพการีและบุตรหลาน ตลอดจนผู้ใหญ่ที่รักและนับถือ

จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบธุรกิจ และผู้สนใจเข้าร่วมงานเปิดโครงการ ‘อยู่เป็น’ และร่วมฟังเสวนาเรื่อง การ ‘อยู่เป็น’ ของธุรกิจ A-List 2020 พร้อมชมสินค้านวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ เช่น ระบบปฏิบัติการข้อมูลศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ บริการปรับปรุงบ้านและอาคารเพื่อผู้สูงอายุ รวมทั้ง สินค้าเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้สูงอายุ ในวันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 ระหว่างเวลา 08.30 น. – 12.00 น. ณ ศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาธุรกิจการค้า ชั้น 6 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ สนามบินน้ำ สำรองที่นั่งได้ที่ http://bit.ly/3aWSijV”

รมช.พณ.กล่าวทิ้งท้ายว่า “ถึงแม้ว่าเราจะเข้าสู่วัยผู้สูงอายุแล้วก็ตาม แต่อยากเชิญชวนให้ผู้สูงอายุทุกคน ชะลอความแก่ของตนเอง โดยหมั่นดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การฝึกจิตให้เป็นสมาธิ การพบแพทย์ตามกำหนด

รวมถึง การบริหารสุขภาพจิตของตนเอง ซึ่งจะทำให้เป็นผู้สูงอายุที่มีศักยภาพ สามารถสร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติได้อย่างต่อเนื่อง และไม่เป็นภาระแก่บุตรหลาน รวมทั้ง ขอเตือนให้คนหนุ่มสาววัยทำงาน ใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง ดูแลสุขภาพให้ดีแต่เนิ่นๆ ออกกำลังกายเป็นประจำ และเก็บหอมรอมริบ เพื่อสะสมเงินไว้ใช้ในวัยเกษียณ ซึ่งเมื่อถึงวันนั้น เราจะเป็นผู้สูงวัยที่มีคุณภาพและมีความสุข”