www.onlinenewstime.com : โอกิลวี่ จับมือ SmartOSC เอเจนซี่ผู้พัฒนาระบบอีคอมเมอร์ซครบวงจร เผยอินไซต์กลเม็ดในการพัฒนาแพลตฟอร์มอีคอมเมอร์ซ ให้โดดเด่นโดนใจลูกค้ายุคดิจิทัล โดยการผสมผสานความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยี
เจอร์รี่ สมิธ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ โอกิลวี่ เอเชีย เปิดประเด็นว่า ในยุคที่ผู้คนต่างจดจ่อกับสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์สื่อสารอย่างแยกไม่ออก ธุรกิจจำเป็นต้องมองอีคอมเมอร์ซ ให้เป็นส่วนหนึ่งของการเชื่อมโยงประสบการณ์ผู้บริโภค และเข้าใจว่าหากขาดซึ่งความคิดสร้างสรรค์แล้ว การจะสร้างความประทับใจและเอาชนะใจลูกค้าคงเป็นเรื่องยาก
ปัจจุบัน โลกธุรกิจกำลังอยู่ในยุค Omnichannel ซึ่งช่องทางต่าง ๆ ในการสื่อสารกับลูกค้า ได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ตั้งแต่การขายสินค้าหน้าร้าน การพูดคุยตัวต่อตัว ไปจนถึงเว็บไซต์ และโมบายแอพ ธุรกิจที่ต้องการเป็นผู้นำ ย่อมต้องมองข้ามช็อตผ่าน Omnichannel ไปสู่สิ่งที่ยั่งยืนกว่านั้นคือ Continuous Commerce ซึ่งกำหนดนิยามใหม่ของธุรกิจ ที่เชื่อมั่นว่าโอกาสในการขาย สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกขั้นตอนตลอดเส้นทางการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค
แบรนด์หรือธุรกิจที่อยากนำแนวคิด Continuous Commerce มาใช้ให้ประสบความสำเร็จ ต้องให้ความสำคัญกับสองสิ่ง
หนึ่ง คือแหล่งข้อมูลที่แสดงให้เห็นภาพผู้บริโภคได้แบบ 360 องศา เพื่อสามารถนำมาวิเคราะห์พฤติกรรม ได้อย่างละเอียด
สอง คือจุดที่จะเข้าถึงผู้บริโภค (touchpoint) มีอยู่ตรงไหนบ้าง และทำอย่างไ รจึงจะสื่อสารสิ่งที่ตรงใจได้ ในจังหวะที่ใช่
โอกิลวี่มีเครื่องมือ ที่สามารถใช้ดึงข้อมูลผู้บริโภคแบบ 360 องศาจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ตั้งแต่ การเฝ้าสังเกตบนโซเชียลมีเดีย เส้นทางของผู้บริโภค ความเคลื่อนไหวของผู้นำทางความคิด ช่องทางค้าปลีก และระบบขายหน้าร้านบนสื่อดิจิทัล ซึ่งทั้งหมดนี้ สามารถช่วยวางแนวทาง ให้แบรนด์ก้าวข้ามความท้าทายต่าง ๆ
ในการใช้แนวคิด Continuous Commerce จะสามารถช่วยแบรนด์พลิกโฉมหน้าใหม่ ด้วยการใช้ประโยชน์จากดาต้าและเทคโนโลยีดิจิทัล และพร้อมก้าวสู่การตลาด ในยุคอนาคตอย่างมั่นใจ
โทนี่ เหงียน ผู้จัดการประจำประเทศไทย SmartOSC อธิบายถึงวิธีในการนำเทคโนโลยี มาช่วยให้ธุรกิจก้าวไปไกลกว่าเดิม ด้วยการสร้างสรรค์ประสบการณ์ลูกค้าที่โดดเด่น
เริ่มต้นตั้งแต่ขั้นตอนดึงดูดความสนใจ ให้มาคลิกบนหน้าจอจนกลายเป็นลูกค้าในที่สุด โดยใช้วิธีการแบบ A/B Testing หรือการทดลองผลตอบรับ โดยใช้ดีไซน์หรือชิ้นงานสองแบบ เพื่อดูว่าแบบใด มีประสิทธิภาพในการดึงดูด และสร้างความมีส่วนร่วม กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้มากกว่า
ซึ่งจำเป็นต้องใช้เครื่องมือ และวิธีการในการวัดผลที่มีประสิทฺธิภาพเช่นกัน มีผลพิสูจน์มาแล้วว่า A/B Testing สามารถช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ ดันยอดขาย รวมทั้งลดต้นทุน ในการได้มาซึ่งลูกค้าแต่ละราย (Cost Per Customer/Lead)
การใช้วิธีการเหล่านี้ ในทางปฏิบัติ ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถคาดการณ์ ในการปรับเพิ่มหรือลดขนาดของการลงทุนในระบบอีคอมเมอร์ซได้แม่นยำขึ้น เพราะ A/B Testing ทำให้เราเข้าใจ และเล็งเห็นถึงปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดการตอบรับจากฐานลูกค้า ฉะนั้นจึงต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ ในการสื่อสารการตลาด และใช้เทคโนโลยีเพื่อสามารถติดตามปฏิกิริยา หรือผลตอบรับของลูกค้า ต่อสิ่งที่สื่อสารออกไปได้อย่างแม่นยำ
นาทีนี้ โฆษณาสารพัดรูปแบบ ที่แฝงมากับสื่อต่าง ๆรอบตัว อาจกลายเป็นเรื่องกวนใจ สำหรับผู้บริโภคได้ทุกเมื่อ แบรนด์และผลิตภัณฑ์ จึงต้องคิดให้มากยิ่งขึ้น ในการสร้าง “ช่วงเวลาที่น่าประทับใจ” ให้ถูกจังหวะ ซึ่งสามารถเริ่มขึ้นได้ ตั้งแต่การมีปฏิสัมพันธ์ครั้งแรกกับผู้บริโภค