Site icon Onlinenewstime.com – News and Knowledge to sustainability

“ไมโครซอฟท์ AI” พลิกเกมธุรกิจ ต่อยอดศักยภาพคนไทย นำร่องที่ “ซีพีเอฟและPTT ExpresSo”

Dhanawat Suthumpun - Keynote

Onlinenewstime.com : ไมโครซอฟท์ ชูแนวคิดการใช้นวัตกรรม AI ตีโจทย์ใหญ่ใน 4 ด้านหลัก เพื่อยกระดับธุรกิจ พลิกเกมให้องค์กรไทยเดินหน้าแบบก้าวกระโดด พร้อมเผยเรื่องราวความสำเร็จและเทคโนโลยีสำหรับภาคธุรกิจจากพันธมิตรและลูกค้าของไมโครซอฟท์ทั่วไทย ใน Microsoft Envision Summit 2019 งานสัมมนาใหญ่ประจำปีของไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ที่มีผู้สนใจเข้าร่วมงานอย่างท่วมท้นกว่า 2,000 คน

นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า ภาคธุรกิจของประเทศไทย ได้แสดงออกถึงความสนใจในการเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ มาโดยตลอด และในรอบปีที่ผ่านมา เราก็ได้เห็นแนวโน้มที่เด่นชัดยิ่งขึ้นในด้านของการเฟ้นหาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ทางธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเทคโนโลยี AI ที่ถูกนำมาจัดการกับความท้าทายในการทำงานได้อย่างเหมาะสม มีทิศทางที่ชัดเจน ในการผสมผสานนวัตกรรมต่างๆ ให้เข้ากับรูปแบบ และระบบงานของพนักงาน รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคได้อย่างลงตัวมากยิ่งขึ้น โดยคำนึงถึงจุดมุ่งหมายหลักของธุรกิจเป็นสำคัญ ไม่จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับความล้ำสมัยของตัวเทคโนโลยีที่นำมาใช้

4 มิติสำคัญ หนุนธุรกิจให้พลิกเกมด้วย AI

ไมโครซอฟท์ได้แบ่งแนวทางการประยุกต์ใช้ AI เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจออกเป็น 4 ด้านสำคัญ ได้แก่

“ในด้านของการ Engage หรือเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เทคโนโลยีไม่ได้เข้าไปมีบทบาท แต่ในด้านการวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงการตลาดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของการสื่อสารและประสานงานในทุกระดับ”

นายธนวัฒน์เสริมว่า “ในกรณีของ Microsoft Teams แอปพลิเคชันที่เป็นศูนย์กลางสำหรับการทำงานเป็นทีมในยุคดิจิทัล ซึ่งยังคงมีการเพิ่มคุณสมบัติด้าน AI ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่นล่าสุดกับ Content Camera ที่ช่วยให้การประชุมผ่านวิดีโอ ยิ่งสะดวกและเป็นธรรมชาติมากขึ้น สามารถแยกแยะลายเส้นและตัวอักษรที่เขียนบนกระดานไวท์บอร์ดด้านหลังผู้พรีเซนต์หรือเข้าร่วมประชุม เพื่อดึงออกมาเป็นภาพซ้อนบนหน้าจอให้อ่านง่าย ไม่ต้องกังวลว่าผู้เขียนกระดาน จะขยับตัวมาบดบังเนื้อหาบนกระดาน หรือ Live Captions ซึ่งจะเปิดให้บริการในภาษาอังกฤษในช่วงสิ้นปีนี้ เพื่อถ่ายทอดเสียงพูดของผู้เข้าประชุม ออกมาเป็นข้อความบรรยายบนหน้าจอแบบสดๆ”

พาร์ทเนอร์-ลูกค้า ร่วมตอกย้ำศักยภาพของ AI เติมเต็มธุรกิจทุกแง่มุม

นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังได้เชิญพันธมิตรอย่าง เซอร์ทิส (Sertis) บริษัทให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลโซลูชั่น ที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาระบบ AI และการจัดการข้อมูล มาร่วมแชร์ประสบการณ์ และเรื่องราวการนำแพลตฟอร์ม AI ของไมโครซอฟท์มาตอบโจทย์ทางธุรกิจในด้าน Innovate และ Work ทั้งในอุตสาหกรรมอาหารและพลังงาน

นายธัชกรณ์ วชิรมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเซอร์ทิส กล่าวว่า จุดมุ่งหมายสูงสุดของเซอร์ทิส คือการสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่ชาญฉลาดอย่างแท้จริง เพื่อขับเคลื่อนและยกระดับการทำงานของลูกค้า และไมโครซอฟท์ก็นับเป็นพันธมิตรรายสำคัญของเรา ด้วยแพลตฟอร์มระดับโลกทั้งในด้าน AI คลาวด์ และข้อมูล ที่พร้อมรองรับการพัฒนาต่อยอดให้ตอบโจทย์ของภาคธุรกิจอย่างสมบูรณ์

นายธัชกรณ์ วชิรมน

ดังจะเห็นได้จากตัวอย่างความสำเร็จในการพัฒนาโซลูชั่น AI ที่ช่วยให้ลูกค้าของเราอย่างซีพีเอฟและ PTT ExpresSo สามารถเติมเต็มความต้องการที่แตกต่างกันไป ในอุตสาหกรรมของตนเอง เสริมศักยภาพการทำงานในปัจจุบัน และเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ในอนาคต

นายเรวัติ หทัยสัตยพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ธุรกิจอาหารสัตว์บก ซีพีเอฟ ได้กล่าวถึงความร่วมมือระหว่างซีพีเอฟและเซอร์ทิสบนแพลตฟอร์มของไมโครซอฟท์ว่า “ซีพีเอฟได้ร่วมมือกับเซอร์ทิสในการริเริ่มและพัฒนาโครงการ CPF AI FarmLab Powered by Sertis เพื่อนำนวัตกรรม AI และ Computer Vision (การแยกแยะและวิเคราะห์ข้อมูลจากภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว) มาพัฒนาระบบบริหารและจัดการฟาร์ม

นายเรวัติ หทัยสัตยพงศ์

โดยเริ่มต้นจากระบบป้องกันโรคและติดตามการปฏิบัติงานของพนักงานในฟาร์มปศุสัตว์ ในรูปของการวิเคราะห์ภาพ จากกล้องวงจรปิด เพื่อแจ้งเตือนกรณีมีพนักงานเข้าไปในพื้นที่หวงห้ามที่ไม่ได้รับอนุญาต พร้อมเก็บสถิติย้อนหลังโดยละเอียด เปิดโอกาสให้ฝ่ายบริหาร มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจเพิ่มขึ้น และตอบสนองต่อเหตุการณ์เฉพาะหน้าได้ทันที เพื่อลดความเสี่ยงที่สัตว์ในฟาร์มจะได้รับเชื้อจากแหล่งภายนอก”

ส่วนนายธันว์ เหลียงไพบูลย์ Venture Lead จาก PTT ExpresSo ทีมนักพัฒนาเทคโนโลยีจาก ปตท. ที่มุ่งขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลง เพื่อผู้คนและสังคม เสริมอีกว่า “โครงการ Smart Energy Platform by ExpresSo x Sertis ถือกำเนิดขึ้นจากความตั้งใจ ที่จะส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือกอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยนำเทคโนโลยีบล็อกเชนและ AI มาประยุกต์ใช้กับระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา เพื่อให้สามารถทราบถึงกำลังการผลิต และการใช้งานพลังงานไฟฟ้าในอาคารต่างๆ ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งาน เพื่อคาดการณ์แนวโน้มความต้องการในอนาคต

นอกจากนี้ แพลตฟอร์มของเรา ยังใช้บล็อกเชนมาเป็นพื้นฐานของระบบการซื้อขายพลังงานไฟฟ้า ที่เหลือใช้จากระบบโซลาร์รูฟท็อป ให้อาคารอื่นๆ ได้นำไปใช้งานตามความต้องการอีกด้วย”

AI หนุนนักคิดไทย จากพื้นฐานของปัญญาประดิษฐ์ สู่ยุคแห่งการ “ประดิษฐ์ปัญญา”

นายธนวัฒน์กล่าวทิ้งท้ายว่า นอกจากการขับเคลื่อนประสิทธิภาพและความสำเร็จในกลุ่มองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่แล้ว แพลตฟอร์ม AI และคลาวด์ของไมโครซอฟท์ ยังมีบทบาทสำคัญในการสานฝันของสตาร์ทอัพและนักพัฒนาอิสระ ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์และบริการที่ใช้งานได้จริง เติมเต็มมิติของการ Solve สร้างประโยชน์ให้กับผู้ใช้และสังคมในภาพรวมอย่างเป็นรูปธรรม

แอปพลิเคชันฝีมือสตาร์ทอัพไทยอย่าง PharmaSafe ที่พัฒนาขึ้นให้เป็นเสมือนผู้ช่วยส่วนตัว สำหรับผู้ป่วยที่ต้องรับประทานยาเป็นประจำ ได้ใช้แพลตฟอร์ม AI ของไมโครซอฟท์ในการสร้างระบบ AI ที่สามารถระบุชนิดและคุณสมบัติของยาได้จากภาพถ่าย เพื่อป้องกันความผิดพลาด ในการรับประทานยาผิดประเภท

ส่วน Easy Rice ก็ได้พัฒนาเครื่องตรวจวัดคุณภาพข้าวด้วย AI โดยใช้กล้องบันทึกภาพเมล็ดข้าวที่ผ่านเข้าสู่ตัวเครื่อง สามารถตรวจสอบ และให้คะแนนคุณภาพเมล็ดข้าวได้ถึง 1,200 เมล็ดในเวลาเพียง 10 นาที แทนที่จะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง หากตรวจสอบด้วยสายตามนุษย์ ขณะที่ Tiny Epic Brains เปิดมิติใหม่ของการใช้ QR code บนหน้าจอโทรทัศน์หรือในคอนเทนต์วิดีโอ ด้วย Video QR เทคโนโลยี deep learning ที่ฝัง QR code ไว้ในภาพวิดีโอได้ โดยที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ไม่ขวางภาพบนหน้าจอ แต่ยังคงสแกนได้ผ่านสมาร์ทโฟน

ตัวอย่างความสำเร็จของนักคิด นักพัฒนาทั้งหมดนี้ กับการใช้ AI ที่แพร่หลายมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของทักษะเชิงดิจิทัล ซึ่งยังคงต้องพัฒนาต่อไปอีกไม่น้อยในบ้านเรา เพราะในปัจจุบัน มีคนไทยเพียง 0.13% เท่านั้นที่ทำงานอยู่ในสายไอที

ไมโครซอฟท์เอง ยังคงผลักดันให้เกิดการพัฒนาทักษะเชิงดิจิทัลในทุกระดับอย่างทั่วถึง นับตั้งแต่การเรียนรู้ทักษะด้านโค้ดดิ้งสำหรับเยาวชน ผ่านกิจกรรมและโครงการมากมาย ไปจนถึงการสร้าง Power Platform ให้คนทำงานทั่วไป ได้ลงมือพัฒนาแอปพลิเคชันและเครื่องมือสนับสนุนการทำงานด้วยตนเอง แม้จะไม่ได้มีประสบการณ์การเขียนโปรแกรมมาก่อน หรือล่าสุด กับความร่วมมือกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม พร้อมด้วยมหาวิทยาลัย 25 แห่งทั่วประเทศ เพื่อสร้างบุคลากรคุณภาพ และยกระดับมาตรฐานงานวิจัยในประเทศไทย

“เพราะเราเชื่อมั่นว่าด้วยเทคโนโลยีและแนวคิดที่สอดคล้องกัน คนไทยอีก 99% ก็สามารถก้าวขึ้นมา เป็นนักพัฒนาในแบบที่เราเรียกว่า ‘Citizen Developers’ พร้อมผลักดันให้ประเทศไทยเดินหน้า จากการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ สู่การเป็นผู้ ‘ประดิษฐ์ปัญญา’ ได้อีกด้วย”

Exit mobile version