Onlinenewstime.com : “ไฮเออร์” นำทัพเครื่องใช้ไฟฟ้า กวาดยอดขายปี 2563 รวม 6,201 ล้านบาท เติบโต 31% สวนกระแสตลาดรวมซบเซา เจาะยุทธศาสตร์ปี 2564 เร่งเครื่องสินค้าทุกหมวด เช่น เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า สมาร์ททีวี ฯลฯ รุกตลาดสานเป้าหมาย “หมื่นล้าน” ทุ่มงบการตลาดแบบครบวงจรกว่า 1,000 ล้านบาทคาดการณ์ปี 2564 เติบโต 37% โดยมียอดขายครึ่งปีแรก 4,510 ล้านบาท เพิ่มช่องทางการซื้อสินค้า รุกการตลาดออนไลน์ทุกช่องทาง ร่วมกับพาร์ทเนอร์ส่งโปรโมชั่นต่อเนื่อง ส่งแบรนด์น้องใหม่ “แคนดี้” เติมพอร์ตสินค้าเจาะกลุ่มเจนฯ Y-Zเดินหน้าโครงการ “ไฮเออร์ ให้เธอ ร่วมใจสู้ภัยโควิด” ส่งมอบเครื่องช่วยหายใจ และเครื่องใช้ไฟฟ้าช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19
นายจาง เจิ้งฮุ้ย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับโลก และแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอันดับ 1 ของโลกติดต่อกัน 12 ปีซ้อน เปิดเผยว่า “ตั้งแต่ปี 2563 ที่ทั่วทั้งโลก ต้องเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 ส่งผลกระทบในวงกว้าง รวมถึงตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทย ที่มีอัตราการเติบโตลดลง 8% เทียบกับปี 2562
ส่วนแนวโน้มครึ่งปีแรก 2564 คาดการณ์ตลาดยังคงชะลอตัว เนื่องจากโรคระบาดยังไม่คลี่คลาย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.ก) ได้คาดการขยายตัวของเศรษฐกิจ(จีดีพี) อยู่ในอัตราต่ำเพียง 1.8%
ทั้งนี้ ไฮเออร์ (ประเทศไทย) สร้างผลประกอบการปี 2563 ได้อย่างน่าพอใจ และสวนทางกับสภาวะตลาด โดยผลการดำเนินงานทั้งปีมีอัตราการเติบโต 31% เทียบกับปี 2562 หรือคิดเป็นยอดขาย 6,201 ล้านบาท
เมื่อแยกเป็นรายผลิตภัณฑ์แบ่งเป็น เครื่องปรับอากาศไฮเออร์ ยอดขายคิดเป็น 2,905 ล้านบาท (เติบโต 19%), ตู้เย็นไฮเออร์ ยอดขายคิดเป็น 1,179 ล้านบาท (เติบโต 47%), เครื่องซักผ้าไฮเออร์ ยอดขายคิดเป็น 866 ล้านบาท (เติบโต 42%) สำหรับเครื่องใช้ในครัว (เติบโต 296%) ทีวี (เติบโต 110%) และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ มียอดขายคิดเป็น 1,251 ล้านบาท
นอกจากนี้ เครื่องปรับอากาศไฮเออร์ ได้ก้าวสู่การเป็นเบอร์ 2 อย่างแข็งแกร่งของตลาดเครื่องปรับอากาศในประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาด 12.1% เพิ่มจากปีก่อน 10.3% ตู้เย็นไฮเออร์ขยับเป็นเบอร์ 5 ของตลาด มีส่วนแบ่งทางการตลาด 11% เพิ่มจาก 7.6% เครื่องซักผ้าไฮเออร์ อยู่ในอันดับ 4 มีส่วนแบ่งทางการตลาด 8.9% เพิ่มจาก 7% โดยเฉพาะสินค้าไฮเอนด์ เครื่องซักผ้าฝาหน้าและฝาบน มียอดขายโตเติบโตถึง 102% เป็นต้น
สำหรับภาพรวมครึ่งปีแรก 2564 ของไฮเออร์ ยอดขายยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเติบโต 27% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 ด้วยมูลค่า 4,510 ล้านบาท โดยสินค้าทุกหมวดสร้างยอดขายเติบโตได้อย่างดี เช่น
- เครื่องปรับอากาศไฮเออร์ เติบโต 7% (คิดเป็นยอดขาย 2,210 ล้านบาท)
- ตู้เย็นไฮเออร์ เติบโต 38% (คิดเป็นยอดขาย 958 ล้านบาท)
- เครื่องซักผ้าไฮเออร์ เติบโต 56% (คิดเป็นยอดขาย 594 ล้านบาท)
- ตู้แช่ไฮเออร์ เติบโต 40% (คิดเป็นยอดขาย 398 ล้านบาท)
- ทีวีไฮเออร์ เติบโต 159% (คิดเป็นยอดขาย 192 ล้านบาท) โดยเฉพาะขนาดทีวีตั้งแต่ 55 นิ้วขึ้นไป ที่ตลาดให้การตอบรับเป็นอย่างดี
- เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กไฮเออร์ เติบโต 9% (คิดเป็นยอดขาย 67 ล้านบาท)
- เครื่องทำน้ำอุ่นไฮเออร์ เติบโต 59% (คิดเป็นยอดขาย 36 ล้านบาท)
- เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวไฮเออร์ เติบโต 652% (คิดเป็นยอดขาย 12.8 ล้านบาท) โดยกลุ่มเตาแก๊สมีการเติบโตสูงสุดกว่า 540% และเครื่องดูดควันตามมาที่ราว 114%
นอกจากยอดขายช่องทางออฟไลน์ที่เติบโต ช่องทางอีคอมเมิร์ซของแบรนด์ไฮเออร์ ก็สามารถทำรายได้เติบโตสูงถึง 75% โดยทำยอดขายในครึ่งปีแรก 2564 ได้ถึง 250 ล้านบาท เกินจากเป้าทั้งปีที่ตั้งไว้ในครึ่งปีแรกคือ 90 ล้านบาท
นอกจากนี้ “แคนดี้ (Candy)” แบรนด์น้องใหม่บนแพลทฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ยังทำยอดขายได้ถึง 91 ล้านบาทหลังจากเปิดตัวไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
นายจาง เจิ้งฮุ้ย กล่าวเพิ่มเติมว่า “แม้ในช่วงที่เกิดโรคโควิดระบาด แต่ครึ่งปีแรก สินค้าทุกหมวดของไฮเออร์ สามารถสร้างยอดขายเติบโตได้อย่างดี ขณะที่ออนไลน์ก็เติบโตก้าวกระโดดกว่า 100% เนื่องจากบริษัทมีความยืดหยุ่นในการทำงาน มีการปรับตัว พลิกกลยุทธ์การทำตลาดตลอดเวลา เพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงมุ่งพัฒนาสินค้าที่มีฟังก์ชันครบครัน ในราคาจับต้องได้
ด้านแผนธุรกิจปี 2564 บริษัทฯ ยังเดินหน้าทำตลาดแบรนด์ “ไฮเออร์” และแบรนด์น้องใหม่ “แคนดี้” ผ่านการพัฒนาสินค้าใหม่สู่ตลาด เน้นการนำเทคโนโลยีตอบโจทย์ และยกระดับการใช้ชีวิตภายในบ้านหรือ Smart Home, Smart Life ช่วยทำให้ผู้บริโภคมีความสะดวกสบายมากขึ้น ที่สำคัญต้องมีฟังก์ชันเสริมสุขภาพรับวิถีปกติใหม่ (New Normal) ลดการสัมผัส การสั่งงานผ่าน Wi-Fi เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังคงมุ่งสร้างอีโคซิสเทม (EcoSystem) เพื่อต่อยอดธุรกิจ ทั้งการให้บริการลูกค้า การซื้อสินค้า และการชำระเงินผ่านแอปพลิเคชั่น การลุยขยายช็อป ปรับปรุงร้านดีลเลอร์ การปรับภาพลักษณ์โชว์รูมให้มีความทันสมัย เปิดพื้นที่จำลองห้องพร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือ Experience zone เพื่อให้ลูกค้าทดลองใช้และสัมผัสประสบการณ์การใช้งานจริง เป็นต้น”
“สำหรับแผนการทำตลาดเชิงรุก คาดว่าจะส่งผลให้บริษัทสร้างยอดขายในปี 2564 เป็น 8,445 ล้านบาท หรือเติบโต 37% ด้วยกลยุทธ์ต่างๆ ที่ทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อสานเป้าหมายการก้าวสู่ผู้นำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัวเรือน สร้างยอดขายรวมแตะ 12,000 ล้านบาท ภายในปี 2566”
ด้าน นายธเนศร์ บินอาซัน รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การทำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ไฮเออร์ปีนี้ จะเน้นสินค้ากลุ่ม Smart Home เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาด สร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้บริโภค ควบคู่กับการดูแลสุขอนามัย ทั้งลดการสัมผัส การสั่งงานผ่าน Wi-Fi โดยมีสินค้าไฮไลต์ ทั้งเครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า ตู้เย็น และสมาร์ททีวี รุกตลาด
พร้อมกันนี้ บริษัทได้ทุ่มงบประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อทำการตลาดแบบครบวงจร 360 องศา สื่อสารและสร้างแบรนด์ผ่านสื่อโฆษณาทางทีวี ออนไลน์ และสื่อนอกบ้านเต็มสูบ
รวมถึงการจัดแคมเปญผ่านแพลตฟอร์ม Facebook, Instagram, Tiktok และจัด Live Streaming เชื่อมการขายสินค้าออนไลน์สู่ออฟไลน์ ใช้อาวุธการตลาดผ่านผู้ทรงอิทธิพลทางความคิด (Influencer/KOLs) สร้างการรับรู้สินค้าตลอดทั้งปี รวมทั้งการใช้แบรนด์แอมบาสเดอร์ “บอย” ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ สร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง
ด้านช่องทางจัดจำหน่ายจะมีการเปิดไฮเออร์ แบรนด์ ช็อปอีก 20 สาขา รวมมีร้านให้บริการภายในปลายปีนี้ 30 สาขา และปรับปรุงหน้าร้านให้กับดีลเลอร์และห้างค้าปลีกสมัยใหม่กว่า 190 แห่งทั่วประเทศ เพิ่ม IoT Smart Home Zone เพื่อสาธิตการใช้งาน และให้ลูกค้าสามารถทดลองใช้และสัมผัสประสบการณ์จริง รวมทั้งโครงการ Smart Sharing AC บริการเครื่องปรับอากาศเติมเงิน เริ่มต้นเพียงเดือนละ 900 บาท ซึ่งในอนาคตอาจมีเพิ่มเติมขยายไปยังสินค้าอื่นๆ อีกด้วย
ด้วยภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลต่อกำลังซื้อผู้บริโภค ไฮเออร์จึงแก้เกม ตอกย้ำการพัฒนาสินค้าคุณภาพ ฟังก์ชันครบ ราคาเหมาะสม เจาะผู้บริโภค เช่น ตู้เย็น 4 ประตูของไฮเออร์ที่เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ สินค้ามีราคาเริ่มต้นถูกสุดในตลาด
ขณะเดียวกันเมื่อโควิด-19 ระบาด ทำให้การจัดกิจกรรมทางการตลาดทำได้ยากขึ้น บริษัทจึงปรับกลยุทธ์อย่างรวดเร็วทรานส์ฟอร์มกิจกรรม จากออฟไลน์สู่ออนไลน์ ลุย Live Streaming ร่วมกับดีลเลอร์ทั่วประเทศ ส่งเสริมการขาย เพื่อผลักดันการเติบโตไปพร้อมๆ กัน”
ด้าน นายปิยะศักดิ์ ศรีบัว ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “แคนดี้ เป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าน้องใหม่ สไตล์มินิมอลจากอิตาลี ได้เปิดตัวทำตลาดผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซได้ 2 เดือน
โดยเจาะกลุ่มผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ เจนเนอเรชั่น Y และ Z ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี ทำให้แบรนด์ได้รับการกล่าวถึงในช่องทางออนไลน์ โดยติดอันดับแฮชแท็ก (#) เทรนด์ทวิตเตอร์ในกว่า 10 ประเทศทั่วโลกในช่วงเปิดตัว และเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทยและ Worldwide ในช่วงเปิดตัว MV เพลง “ชีวิตดีเพราะมีเธอ” ซึ่งทำให้ช่วงเปิดตัวของแคนดี้สามารถสร้างยอดขายได้ถึง 64 ล้านบาท
เพื่อสานเป้าหมายยอดขายปีนี้ให้ทะลุ 300 ล้านบาท แคนดี้จึงจัดทัพสินค้าใหม่ เติมไลน์อัพให้มากขึ้น เช่น กาต้มน้ำไฟฟ้า เครื่องปิ้งขนมปัง เตาไฟฟ้าอเนกประสงค์
ส่วนการทำตลาดยังคงใช้สองหนุ่มสุดฮ็อต “มิว” ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์ และ “กลัฟ” คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์ เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์แรกในไทย ตอบรับไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ และวัยทำงาน
พร้อมทุ่มงบกว่า 50 ล้านบาท จัดแคมเปญแนะนำสินค้าใหม่ ที่พัฒนาขึ้นเพื่อผู้บริโภคยุคใหม่อย่างแท้จริง ทั้งฟังก์ชันการใช้งานที่สะดวก ดีไซน์ทันสมัย เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์สู่ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งกิจกรรมสำหรับสมาชิกแคนดี้ที่จะ ได้รับ Exclusive Benefit ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
แคนดี้ (Candy) เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าน้องใหม่ ที่เน้นทำตลาดอีคอมเมิร์ซ มุ่งตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายนักศึกษา วัยทำงาน ที่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ คอนโดมิเนียม และมีความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ฟังก์ชันครบครัน ดีไซน์สวย และราคาไม่แพง ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าวสอดคล้องกับจุดแข็งของแคนดี้ จนผู้บริโภคตอบรับ มีการซื้อสินค้าสร้างยอดขายอย่างน่าพอใจ”
ด้วยความหวังและมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 นี้ดีขึ้นในเร็ววัน กลุ่มบริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้นำศักยภาพของการเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับโลก มาร่วมแบ่งปันแก่สังคมไทย ด้วยการเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ในการต่อสู้วิกฤตโควิด-19 และต่อลมหายใจให้ผู้ป่วยโควิด ที่รอคอยอุปกรณ์ช่วยชีวิต
โดยน้อมเกล้าฯ ถวายเครื่องช่วยหายใจ จำนวน 2 เครื่อง มูลค่า 3,300,000 บาท ให้แก่โรงพยาบาลค่ายสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จ.ร้อยเอ็ด ผ่านกองทุนชัยพัฒนาสู้ภัยโควิด-19 (และโรคระบาดต่างๆ) ซึ่งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จัดตั้งขึ้น เพื่อนำไปใช้ช่วยเหลือโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ ในการจัดหาอุปกรณ์และสิ่งของจำเป็นสำหรับรักษาผู้ป่วยโควิด-19
และมอบเครื่องช่วยหายใจอีก 8 เครื่อง มูลค่า 13.2 ล้านบาท ในเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2564 ซึ่งมอบให้แก่ โรงพยาบาลสงขลา จ.สงขลา, โรงพยาบาลพะเยา จ.พะเยา และ มูลนิธิโรงพยาบาลตำรวจในพระบรมราชินูปถัมภ์ กรุงเทพฯ และ โรงพยาบาลพุทธโสธร จ.ฉะเชิงเทรา
นอกจากนี้ ยังเดินหน้าโครงการ “ไฮเออร์ ให้เธอ ร่วมใจสู้ภัยโควิด” ส่งมอบเครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเออร์ให้โรงพยาบาล และ โรงพยาบาลสนาม 44 แห่งทั่วประเทศ รวมมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท อาทิ รพ.สนามธรรมศาสตร์ รพ.สนามวิทยาลัยอาชีวศึกษาปทุมธานี รพ.สนามสมุทรปราการรวมใจ รพ.สนามศูนย์สนามกีฬากลางปัตตานี และอื่นๆอีกมากมาย เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และเพื่อเป็นกำลังใจให้แก่บุคลากรทางการแพทย์อย่างต่อเนื่องอีกด้วย