Onlinenewstime.com : หากพูดถึง “บริษัทพลังงานสัญชาติไทยขนาดใหญ่”ที่มีชื่อคุ้นหูนักลงทุนมาอย่างยาวนาน บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ “บ้านปู” มักจะอยู่ในความนึกคิดลำดับแรกๆ ด้วยการเป็นบริษัทที่บุกเบิก พัฒนา และขยายธุรกิจพลังงานตอบโจทย์ความต้องการของตลาด และมีส่วนร่วมพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระดับประเทศและภูมิภาคมาอย่างต่อเนื่องนับ 40 ปี
จนถึงวันนี้ บ้านปูมีเส้นทางการเติบโตและก้าวข้ามทุกความท้าทายจนเป็นบริษัทพลังงานครบวงจรครอบคลุมห่วงโซ่อุปทานจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ และพร้อมมุ่งไปข้างหน้าในฐานะ “ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ”
ด้วยระบบนิเวศทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบ้านปู (Banpu Ecosystem) ทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ส่งเสริมและสนับสนุนซึ่งกันและกัน
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุดในการส่งมอบอนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืน (Smarter Energy for Sustainability) บ้านปูไม่เคยหยุดแสวงหาโอกาสเพื่อสร้างการเติบโต และปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้เข้ากับเทรนด์พลังงานแห่งอนาคต เพื่อให้พร้อมขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้คน
ขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อมุ่งสร้างความยั่งยืนด้านพลังงาน
จากแรงบันดาลใจในการดำเนินธุรกิจของบ้านปูที่สอดคล้องกับหลักความยั่งยืนด้านพลังงานที่ประกอบด้วย 1. พลังงานต้องเข้าถึงได้ด้วยราคาที่เหมาะสม (Affordable) 2. พลังงานต้องมีเสถียรภาพให้สามารถส่งมอบได้อย่างต่อเนื่อง (Reliable) และ 3. พลังงานต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco-Friendly)
บริษัท เหมืองบ้านปู จำกัด ได้ถือกำเนิดในปี 2526 ที่หมู่บ้านบ้านปู อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เพื่อเข้าทำสัญญาเช่าช่วงการทำเหมืองถ่านหินจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาบริษัทฯ ได้สร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจและเติบโตโดยเสาะหาแหล่งทรัพยากรที่ดีและผู้รู้มาร่วมงาน อีกทั้งยังพัฒนาความสามารถด้านการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศ โดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้า ปูนซีเมนต์ ปิโตรเคมี กระดาษ สิ่งทอ ฯลฯ ก่อนขยายการดำเนินธุรกิจแหล่งพลังงานที่มีคุณภาพไปยังประเทศอื่นๆ ที่มีศักยภาพเติบโตในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เช่น อินโดนีเซีย จีน และออสเตรเลีย
สร้างพอร์ตโฟลิโอให้มีความหลากหลาย
หลังจากการก่อร่างสร้างธุรกิจเหมืองทั้งในและต่างประเทศจนมีความมั่นคงแล้ว บ้านปูเริ่มมองหาโอกาสในการต่อยอดธุรกิจพลังงานให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจที่สร้างมูลค่าในห่วงโซ่อุปทาน จึง
เป็นที่มาของการก่อตั้ง “บ้านปู เพาเวอร์” ในปี 2539 เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในด้านการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ประเทศไทยต้องการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ
จนถึงก้าวสำคัญของการนำบ้านปู เพาเวอร์ หรือ BPP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2559 เพื่อขยายการเติบโตของธุรกิจไฟฟ้าในกลุ่มประเทศยุทธศาสตร์ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ที่มีอัตราการเติบโตของความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงและมีนโยบายสนับสนุนพลังงานของภาครัฐที่ชัดเจน
ทั้งนี้ บ้านปูได้ผลักดันการเติบโตของธุรกิจไฟฟ้าโดยเน้นสร้างสมดุลของพอร์ตธุรกิจจากทั้งพลังงาน ความร้อน (Thermal Power Business) ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (High Efficiency, Low Emissions: HELE) และพลังงานหมุนเวียน (Renewable Power Business) เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม
และยังคงต่อยอดการเติบโตอย่างต่อเนื่องในประเทศที่บ้านปูมีความเชี่ยวชำนาญในการดำเนินธุรกิจแหล่งพลังงาน ตลอดจนมีพันธมิตรระดับท้องถิ่นที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกันอยู่แล้วอย่างแน่นแฟ้น
ผู้นำด้านการเปลี่ยนผ่านองค์กร: รู้ก่อน เริ่มก่อน สำเร็จก่อน
สัญญาณความตื่นตัวต่อความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทั่วโลกทวีความรุนแรงขึ้น บ้านปูได้ปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์ใหม่ พร้อมตั้งธงกลยุทธ์ “Greener & Smarter” ในการขับเคลื่อนองค์กร ที่เน้นการทำธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์พลังงานรูปแบบใหม่ๆ ทำให้บริษัทฯ ก้าวสู่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
โดยมีไฮไลท์สำคัญก็คือการเข้าไปสร้างธุรกิจใหม่ในสหรัฐอเมริกา นั่นคือ ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ด้วยเห็นโอกาสในการเป็นสะพานเชื่อมที่สำคัญในการเปลี่ยนผ่านตามกลยุทธ์ Greener & Smarter โดยให้ความสำคัญต่อการสร้างและรักษากระแสเงินสด เพื่อรักษาประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุน ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ก็เริ่มแสวงหาโอกาสการลงทุนธุรกิจพลังงานที่สะอาดขึ้น เพื่อเพิ่มความสมดุลและยั่งยืนให้กับพอร์ตธุรกิจ
ชูเรือธงสีเขียว กรุยทางอนาคตที่ยั่งยืน
ไม่เพียงเท่านี้ ระบบนิเวศธุรกิจของบ้านปูยังสมบูรณ์ยิ่งขึ้นหลังการก่อตั้ง “บ้านปู เน็กซ์ (Banpu NEXT)” บริษัทเรือธงสีเขียวของบ้านปู ในปี 2563 ที่เป็นจิ๊กซอว์ใหญ่ในการขับเคลื่อนธุรกิจพลังงานที่สะอาดและฉลาดขึ้น เพื่อสร้างโซลูชันพลังงานที่ตอบรับเทรนด์พลังงานแห่งอนาคตและการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ ผ่านการขับเคลื่อนธุรกิจทั้ง 5 กลุ่ม ได้แก่
ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจแบตเตอรี่ ธุรกิจซื้อขายไฟฟ้า ธุรกิจอี-โมบิลิตี้ และธุรกิจพัฒนาเมืองอัจฉริยะและจัดการพลังงาน
โดยมีดิจิทัลแพลตฟอร์มเป็นเครื่องมือที่ช่วยรวบรวมข้อมูลและนำมาวิเคราะห์ เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าหรือสร้างนวัตกรรมใหม่ทางพลังงาน
นอกจากนี้ บ้านปูยังเข้าลงทุนในกลุ่มธุรกิจ New S-Curve ที่อยู่นอกเหนือธุรกิจพลังงานหรือการต่อยอดธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงาน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืนต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน และมุ่งเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดีขึ้น
รุดปรับเปลี่ยนเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
ในฐานะผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ บ้านปูยังคงสานต่อความแข็งแกร่งด้วยนโยบายการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล (Digital Transformation) ที่ดำเนินการภายใต้แนวคิดการเปลี่ยนผ่านทั้งสามด้าน (Triple-Transformation) ได้แก่ ด้านธุรกิจ จากการเพิ่มสัดส่วนพอร์ตโฟลิโอพลังงานที่สะอาดและฉลาดให้มากขึ้นผ่านการดำเนินงานของบ้านปู เน็กซ์
ถัดมาคือด้านเทคโนโลยี บ้านปูได้จัดตั้งหน่วยงาน Digital and Innovation (D&I) เพื่อผลักดันกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เสริมความสามารถทางดิจิทัลขององค์กร รวมถึงบ่มเพาะศักยภาพด้านเทคโนโลยีให้แก่พนักงาน และสุดท้ายคือด้านบุคลากร
ในส่วนของการพัฒนาบุคลากรให้ก้าวล้ำนำหน้า บ้านปูได้จัดตั้งหน่วยงานที่ชื่อว่า “Banpu Academy” เพื่อส่งเสริมองค์กรแห่งการเรียนรู้อย่างไม่สิ้นสุดและหล่อหลอมพนักงานบ้านปูให้มีความพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เสริมความได้เปรียบในการแข่งขันและรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของธุรกิจที่มีพลวัตสูงอย่างธุรกิจพลังงาน
บริษัทไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ
ด้วยรากฐานที่แข็งแกร่งใน 3 กลุ่มธุรกิจหลักที่กล่าวมา บ้านปูจึงพร้อมสร้างการเติบโตในระดับนานาชาติ ซึ่งปัจจุบันดำเนินธุรกิจอยู่ใน 9 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย จีน ออสเตรเลีย สปป.ลาว มองโกเลีย ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม
ด้วยปัจจัยสนับสนุนต่างๆ ที่ส่งผลให้เกิดความสำเร็จในการลงทุนในต่างประเทศ ที่นอกจากจะต้องมีความเข้าใจในตลาดนั้นๆ อย่างลึกซึ้งก่อนจะเข้าไปเริ่มดำเนินกิจการแล้ว การสร้างทีมงานที่แข็งแกร่งด้วยบุคลากรที่มีศักยภาพก็ถือเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญ
จากวันเริ่มต้นที่บ้านปูมีพนักงานจำนวนไม่ถึงร้อยคน จวบจนปัจจุบันสู่การเป็นบริษัทไทยที่มีพนักงานประจำสำนักงานใหญ่ในไทยราว 600 คน และมีพนักงานประจำอยู่ในต่างประเทศเกือบ 6,000 คน ที่พร้อมขับเคลื่อนบ้านปูให้เติบโตในระดับสากล
สิ่งสุดท้ายคือการเป็นองค์กรพลเมืองที่ดี (Good Corporate Citizenship) ที่ดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรมและโปร่งใส และยึดถือแนวปฏิบัติในการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี (Good Neighbor) ที่พร้อมสร้างความเข้าใจและให้ความร่วมมือสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของชุมชนโดยรอบพื้นที่ธุรกิจและสังคมในแนวทางที่เหมาะสมกับบริบทของแต่ละพื้นที่
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 40 ปี บ้านปูยึดถือแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรมและยั่งยืนที่ได้รับการปลูกฝังและถ่ายทอดมาจากคุณชนินท์ ว่องกุศลกิจ หนึ่งในผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนแรกของบ้านปู ตามปณิธานในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่ว่า อุตสาหกรรมที่ดีจะต้องพัฒนาควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคม
และสิ่งแวดล้อม
บวกกับการเร่งเปลี่ยนผ่านองค์กร (Banpu Transformation) ภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter และความพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงด้วยหลัก Antifragile จะทำให้บ้านปูสามารถรักษาความแข็งแกร่งได้อย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะต้องเผชิญกับวิกฤติใด
และสามารถรักษาพันธสัญญา “Our Way in Energy (พลังบ้านปูสู่พลังงานที่ยั่งยืน)” ที่พร้อมนำพาให้บ้านปูเติบโตควบคู่ไปกับการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับโลก เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้คนในวันนี้และในทศวรรษต่อๆ ไป”
การเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคงตลอด 4 ทศวรรษของบ้านปูนั้น นอกเหนือจากความโดดเด่นในเรื่องของระบบนิเวศทางธุรกิจที่เชื่อมโยงทุกหน่วยธุรกิจหลักเข้าด้วยกัน
จนก่อให้เกิดเป็นการผสานพลังร่วมเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดในการลงทุน ลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจ และสร้างความยั่งยืนแล้ว บ้านปูยังมีจุดแข็งคือวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นเอกลักษณ์ เรียกว่า “บ้านปู ฮาร์ท (Banpu Heart)” ที่หลอมรวมให้พนักงานทุกคนในทุกประเทศมุ่งไปสู่เป้าหมายเดียวกัน
ทั้งหมดนี้ทำให้บ้านปูสามารถส่งมอบ “อนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืน (Smarter Energy for Sustainability)” ในฐานะผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ เพื่อสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม และขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้คน