ปัจจุบันแรงงานต้องมีการปรับตัว เพื่อให้ทันต่อกระแสตลาดแรงงานโลก ด้วยเทคโนโลยีเป็นพื้นฐานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ส่งผลให้ประเทศไทยมีการตื่นตัวมากขึ้น
นโยบายไทยแลนด์ 4.0 จึงเป็นตัวกำหนด ให้แต่ละองค์กรมีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เป็นจำนวนมาก ในฐานะแรงงานยุคใหม่จะต้องมีการเตรียมความพร้อมปรับตัว มีการวางแผน ตั้งแต่การเข้าศึกษาและหลังจบการศึกษา รวมถึงต้องหมั่นพัฒนาทักษะอยู่ตลอดเวลาเพื่อสร้างความโดดเด่นให้กับตัวเอง
แมนพาวเวอร์กรุ๊ป เผย 5 กลุ่มสายงานที่ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในปี 2560 พร้อมด้วยเทคนิคในการเพิ่มทักษะสำหรับเด็กจบใหม่รับกระแสแรงงานยุคใหม่ สายงานที่ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน มี 5 กลุ่มสายงานดังนี้
1.งานด้านบัญชีและการเงิน
2.งานด้านวิศวกรรม
3.งานขายและงานบริการลูกค้า
4.งานด้านไอที
5.งานโลจิสติกส์และซัพพลายเชน
นักศึกษาจบใหม่นอกจากที่จะมองหางานและทำเรซูเม่แล้ว การหมั่นพัฒนาทักษะเสริมก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเอาชนะผู้หางานคนอื่นๆ แล้วทำให้ตัวเองโดดเด่น
รวมถึงเป็นการรับมือกระแสตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด ทักษะที่แรงงานยุคใหม่ควรมีรับมือ ไทยแลนด์ 4.0 ได้แก่
1.ทักษะในการจัดลำดับความสำคัญ คือ สามารถวางแผน จัดการงานและจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่าง ๆ ได้ดี รู้ว่าอะไรควรทำก่อน อะไรควรทำทีหลัง มีความสามารถในการทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน และสามารถทำงานเสร็จตรงเวลา อีกทั้งยังมีความสามารถในการประสานงานกับผู้อื่นได้ดี ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยประสบการณ์ และความเข้าใจในองค์กรเป็นสิ่งสำคัญ
2.ทักษะด้านการสื่อสาร ใช่ว่าการรู้ภาษาอย่างเดียวจะสามารถสื่อสาร แต่จะต้อง ถ่ายทอดความคิดออกไปสู่ผู้รับสารได้อย่างถูกต้อง ผู้ส่งสารกับผู้รับสารเข้าใจตรงกัน อธิบายสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน สามารถคุยกับคนที่ไม่คุ้นเคยได้อย่างไม่เคอะเขิน และสามารถเจรจาหรือต่อรองได้ประสบความสำเร็จ
3.ทักษะการปรับตัว คือ มีการเรียนรู้เร็ว ไม่ยึดติดกับตัวเอง พร้อมเปิดรับความคิดใหม่ ๆ อยู่เสมอ และสามารถจัดการกับความเปลี่ยนแปลงได้ดี ซึ่งถือเป็นคุณสมบัติพื้นฐานสำหรับแรงงานทุกคนควรมี ไม่ว่าจะเป็น การปรับตัวเข้ากับองค์กร การปรับตัวกับเพื่อนร่วมงาน ความอดทนในการทำงาน รวมถึงการทำงานในสภาวะกดดันได้
4.ภาวะการเป็นผู้นำ คือ ทุกคนไม่จำเป็นต้องเป็นผู้นำ แต่ทักษะของการเป็นผู้นำนั้นยังสามารถที่จะประยุกต์ใช้ได้กับทุกคน เช่น การวิเคราะห์ผลต่าง การวางเป้าหมายในการทำงาน หรือแม้กระทั่งการคิดงานหรือคิดโปรเจกต์ รวมถึงการกล้าที่จะเสนอแนวคิดต่างๆในที่ประชุม เพื่อสร้างนวัตกรรมที่แตกต่าง
5.การพัฒนาศักยภาพของตัวเอง คือ การเป็นคนช่างเรียนรู้ และแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ อยู่เสมอ จะช่วยให้เรามีทางเลือกให้กับตัวเองมากขึ้น อีกทั้ง ยังค้นพบทางออกที่ดี เมื่อประสบกับปัญหา หรือเพิ่มองค์ความรู้ใหม่ๆ อันจะนำไปสู่ความก้าวหน้าในอาชีพการงานในอนาคตได้
หากเรากล้าที่จะปรับ กล้าที่จะเปลี่ยน ทุกการเรียนรู้ พัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดนิ่ง การหางานในยุคไทยแลนด์ 4.0 ก็คงจะไม่ยากอีกต่อไป