Site icon Onlinenewstime.com – News and Knowledge to sustainability

6 ประเทศ ปลายทางในฝันชาวต่างชาติวัยเกษียณ ที่ดีที่สุดในโลก

onlinenewstime.com การดูแลสุขภาพ หรือ Healthcare เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุด ที่ชาวต่างชาติจะพิจารณา ก่อนการย้ายภูมิลำเนา ไปอยู่ในประเทศใดประเทศหนึ่ง และปัจจุบันนี้ การเข้าถึงการดูแลสุขภาพระดับเวิลด์คลาส ในราคาที่เอื้อมถึง ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

ลองมาดู 6 ประเทศที่ครองตำแหน่ง Top list ในเป้าหมายการเกษียณอายุ ของคนทั่วโลก ในมุมของการบริการชั้นยอดที่ราคาสมเหตุสมผล ซึ่งไทยก็ติดเป็น 1 ในอันดับปลายทางที่ใฝ่ฝันกับเขาเหมือนกัน 

การวัดคุณภาพของบริการทางสุขภาพนั้น ทำในทางรูปธรรมออกมาเป็นตัวเลขได้ค่อนข้างยาก

อย่างไรก็ตามเวปไซต์ internationalliving.com  ได้ทดลองระบุราคาของขั้นตอนทางการแพทย์ และนำมาเปรียบเทียบกับคุณภาพ วัดผลให้คะแนน จัดอันดับ 25 ประเทศ ในหมวดของบริการด้านสุขภาพ จากดัชนีการเกษียณอายุในปี 2019 ไว้ดังนี้

อันดับที่ 5 Costa Rica  และ Mexico  

Cr. International Living

การดูแลสุขภาพใน Costa Rica

เช่นเดียวกับการมีสภาพอากาศที่ดีตลอดทั้งปี  สภาพแวดล้อมเพื่อนบ้านที่เป็นมิตร และกฎหมายที่อยู่อาศัยที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน  Costa Rica ยังให้บริการด้านการดูแลสุขภาพที่ดีเยี่ยม

ระบบสุขภาพที่ชาวต่างชาติสามารถเข้าถึงได้มี 2 ระบบ คือระบบการดูแลสุขภาพสากล ที่ดำเนินการโดยรัฐบาล เรียกว่า “Caja Costarricense de Seguro Social” หรือ Caja  และระบบเอกชน โดยทั้ง 2 ระบบ อยู่ระหว่างการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีการสร้างโรงพยาบาลใหม่ อุปกรณ์ใหม่ที่ทันสมัย และการฝึกอบรม เพื่อปรับปรุงคุณภาพของบุคคลากร

แพทย์หลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในโรงพยาบาลเอกชน พูดภาษาอังกฤษ และได้รับการฝึกอบรมจากยุโรป แคนาดา หรือสหรัฐอเมริกา และถึงแม้จะมีระดับความก้าวหน้า ทัดเทียมกับประเทศเหล่านั้น แต่ก็มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่า  

John Michael Arthur ผู้สื่อข่าวของ International Living ประจำ Costa Rica กล่าวว่า  “การมีทั้งระบบสาธารณสุขของรัฐ และการบริการของเอกชน สำหรับชาวต่างชาติ เป็นทางเลือกที่ดี เพื่อให้เราเลือก“ ช้อป” ได้ตามต้องการ “ การดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพสูง การแพทย์ การผ่าตัด และทันตกรรม ไม่ใช่เรื่องยาก และราคาก็ต่ำกว่าถึงประมาณ 1 ใน 3 ของราคาที่สหรัฐอเมริกา”

“ยกตัวอย่างเมื่อไม่นานมานี้ ที่ผมได้ทำครอบฟันด้วยเซอร์โคเนีย เซรามิก ในราคาประมาณ 275 ดอลลาร์เท่านั้น (ประมาณ 8,800 บาท) ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ แบบ Echo เพียง 145 ดอลลาร์ (ประมาณ 4,640 บาท)”

Cr. International Living

การดูแลสุขภาพใน Mexico

เม็กซิโกมีหลายเรื่องราวให้แนะนำ รวมถึงบริการดูแลสุขภาพที่ดีเยี่ยม โดยทั่วไปแล้วการดูแลสุขภาพในเม็กซิโกนั้นอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก แพทย์และทันตแพทย์หลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงพยาบาลเอกชน ได้รับการฝึกอบรมในสหรัฐอเมริกา และในทางกลับกัน แพทย์ของสหรัฐอเมริกาหลายคน ก็มาฝึกอบรมในเม็กซิโก และแพทย์เหล่านั้น ยังคงเดินทางไปสหรัฐอเมริกา หรือยุโรป สำหรับการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

เมืองขนาดกลาง ถึงขนาดใหญ่ทุกแห่งในเม็กซิโก มีโรงพยาบาลชั้นนำอย่างน้อย 1 แห่ง ซึ่งค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลโดยทั่วไปประมาณครึ่งหนึ่ง หรือน้อยกว่าราคาที่คาดว่าต้องจ่ายในสหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกับราคายาที่ซื้อด้วยใบสั่งแพทย์

แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล จะแตกต่างกันไปตามแพทย์  โรงพยาบาล และอาการเจ็บป่วย แต่โดยเฉลี่ยสำหรับการไปพบแพทย์ทั่วไป หรือแพทย์เฉพาะทาง จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ  21 ถึง 32 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 680 – 1,025 บาท)

ในเมืองใหญ่ของเม็กซิโก เราสามารถรับบริการทางการแพทย์ ที่มีคุณภาพดี สำหรับอาการเจ็บป่วยร้ายแรง รวมไปถึงการล้างไต การผ่าตัดใหญ่ การเข้าแอดมิท ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยราคาเพียงเศษเสี้ยวของราคาที่จ่ายในสหรัฐอเมริกา

นอกจากนี้ค่าเบี้ยประกันสุขภาพในเม็กซิโก ก็ยังราคาถูกกว่าในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
เม็กซิโกมีระบบการดูแลสุขภาพแห่งชาติ 2 ระบบ ซึ่งชาวต่างชาติ ที่ใช้วีซ่าพำนักอย่างถูกกฎหมาย สามารถสมัครเข้าร่วมในระบบ คือ: IMSS (Instituto Mexicano del Seguro Social หรือสถาบันประกันสังคมเม็กซิกัน) และ Seguro Popular

ชาวต่างชาติที่มีวีซ่าพำนักอาศัยอย่างถูกกฎหมาย สามารถสมัครเข้าระบบ IMSS หรือ Seguro Popular ได้ระบบใดระบบหนึ่งตามความต้องการ โดยสมัครในรัฐที่อาศัยอยู่

Don Murray ผู้สื่อข่าว International Living ประจำ Mexico กล่าวว่า แพทย์ส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว และราคาค่ารักษาพยาบาล อยู่ในอัตราที่ถูกกว่าครึ่งหนึ่งเทียบกับในสหรัฐฯ

อันดับที่ 4 Ecuador

การดูแลสุขภาพใน Ecuado

หนึ่งในเรื่องเยี่ยม สำหรับคนต่างชาติที่อาศัยในประเทศเอกวาดอร์ คือ บริการดูแลสุขภาพ ที่มีคุณภาพดีด้วยราคาประหยัด

โรงพยาบาลในเมืองใหญ่ๆ จะมีอุปกรณ์ล้ำสมัย และผู้เชี่ยวชาญในทุกสาขา รวมไปถึงแพทย์ในคลินิกเอกชน  อย่างไรก็ตามชาวต่างชาติไม่จำเป็นต้องอาศัยอยู่แต่ในเมืองใหญ่ เพื่อได้รับการดูแลสุขภาพที่ดี เพราะในเมืองเล็ก ก็มีคลินิกเอกชนและโรงพยาบาลที่ทันสมัยเช่นกัน  และในเมืองเล็กๆ  ยังสามารถได้รับบริการส่วนตัวจากแพทย์ ที่มีกระทั่งบริการตรวจเยี่ยมที่บ้าน ถ้าผู้ป่วยไม่สามารถเดินทางไปได้

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2016 เอกวาดอร์ได้ผ่านกฎหมาย บังคับใช้ให้ผู้อยู่อาศัยทุกคน ต้องมีระบบการรักษาพยาบาล กฎหมายฉบับนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทประกันเอกชน ปฏิเสธการให้ความคุ้มครอง ผู้เอาประกัน เนื่องจากอายุ หรือเงื่อนไขทางสุขภาพที่มีมาก่อน  

กฎหมายฉบับนี้ นับว่าเปิดตลาดการดูแลสุขภาพเอกชน อย่างไรก็ตามชาวต่างชาติก็มีสิทธิ์ในการเลือกลงทะเบียนแผนสุขภาพของรัฐ ซึ่งครอบคลุมค่าใช้จ่ายด้านการแพทย์ ทันตกรรม และการดูแลดวงตาทั้งหมด

รวมถึงใบสั่งยา การทดสอบ และการบำบัด โดยสามารถใช้สิทธิในระบบหลังจากชำระเงินเข้าระบบ เป็นเวลาสามเดือนแรก แต่ในบางกรณีชาวต่างชาติก็เลือกใช้บริการเอกชนเนื่องจากราคาที่ถูก ทำให้สามารถตัดสินใจง่ายขึ้น

ผู้สื่อข่าวของ International Living  ประจำเอกวาดอร์ เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ที่ สามีของเธอประสบอุบัติเหตุ เลื่อยนิ้วมือตัวเอง โดยกล่าวว่า  “เราไปถึงห้องฉุกเฉิน และใช้เวลารอเพียงแค่ 5 นาที และศัลยแพทย์ก็เย็บเพื่อต่อนิ้วของสามีฉัน โดยค่าบริการเพียง 60 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,860 บาท) และนี่เป็นราคาแบบ walk up โดยไม่ได้ใช้ประกันอะไร”

“ถึงแม้เราจะอยู่ในระบบตามแผน IESS ของรัฐบาล ซึ่งครอบคลุมสิทธิของเรา ในราคาที่ต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ แต่ส่วนใหญ่เราก็มักรักษาโดยการจ่ายเงินเอง เพราะบริการดูแลสุขภาพที่นี มีราคาถูกกว่าประมาณ 80% เทียบกับในสหรัฐฯ คุณยังสามารถวอล์คอินไปพบแพทย์เฉพาะทางได้ในราคาแค่ 40 ดอลลาร์เท่านั้น (ประมาณ 1,250 บาท)”

อันดับที่ 3 ประเทศไทย

Cr. International Living

การดูแลสุขภาพในประเทศไทย

มีหลายเรื่องให้รัก เกี่ยวกับประเทศไทย ความสวยงาม งบประมาณที่น่าคบหา ที่สำคัญคือความเป็นมิตร ที่คนในท้องถิ่นพร้อมต้อนรับชาวต่างชาติ ประเทศไทยยังมีชื่อเสียงในด้านการดูแลสุขภาพที่ดีเยี่ยมทั่วประเทศ และครองตำแหน่งที่ 3 ในดัชนีด้านการดูแลสุขภาพของ International Living

Michael Cullen  ผู้สื่อข่าวของ International Living ประจำประเทศไทยกล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นผู้นำ ของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical tourism) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งหมายถึงโรงพยาบาลที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานระดับสากล แพทย์ที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี รวมทั้งสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ ทั้งแพทย์ในเมืองใหญ่ และในภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ

นอกจากนี้บริการด้านทันตกรรม และสุขภาพอื่น ๆ ที่ครอบคลุม ก็มีมาตรฐานสูงในระดับสากลเช่นเดียวกัน สำหรับชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย มีความจำเป็นที่จะต้องมีประกันสุขภาพ เนื่องจากประเทศไทยยังไม่มีระบบสุขภาพระดับชาติ สำหรับชาวต่างชาติ
แต่ด้วยค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพ ซึ่งโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1 ส่วน 4 หรือต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของราคาที่ต้องจ่ายในสหรัฐฯ การซื้อประกันสุขภาพ จึงไม่ทำให้สะเทือนแต่อย่างใด”

 ถึงแม้จะไม่มีประกันสุขภาพแห่งรัฐ สำหรับชาวต่างชาติ แต่มีมีหลากหลายทางเลือก ในการขอทำประกันสุขภาพ จากบริษัทเอกชนชั้นนำทั้งแบรนด์ไทย และแบรนด์อินเตอร์

ระบบการดูแลสุขภาพโดยเอกชนของประเทศไทย ประกอบด้วยโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ครบครัน และทันสมัยเป็นจำนวนมาก ข้อดีที่แท้จริงคือ เราสามารถเข้าพบแพทย์เฉพาะทางได้โดยไม่ต้องรอนาน หรือบางครั้งไม่ต้องมีการนัดล่วงหน้า

อันดับที่ 2 ฝรั่งเศส

Cr. International Living

การดูแลสุขภาพในประเทศฝรั่งเศส

ฝรั่งเศส มีส่วนผสมทั้งหมด ที่มองหาสำหรับปลายทางของการเกษียณอายุ ตั้งแต่สภาพภูมิอากาศที่ดี ชนบทที่ยังไม่ถูกรุกล้ำ วัฒนธรรมชั้นยอด ประเพณีและประวัติศาสตร์ที่มีสีสัน และแน่นอนความหวือหวา แพรวพราว และซับซ้อนของปารีส ซึ่งทำให้ประเทศฝรั่งเศส เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของโลก โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 80 ล้านคนในแต่ละปี

ค่าใช้จ่ายที่ต่ำสำหรับการประกันสุขภาพ และคุณภาพของการดูแลที่ดี ทำให้ฝรั่งเศสได้รับคะแนนสูงเป็นอันดับ 2  ในหมวดบริการด้านสุขภาพ ด้วยคะแนนถึง 93 คะแนน ในดัชนีการเกษียณอายุของ International Living นอกจากนี้ยังได้รับคะแนนสูง จากองค์การอนามัยโลก ในปีนี้

อายุขัยของประชากรฝรั่งเศส เฉลี่ยอยู่ที่ 85.7 ปีสำหรับเพศหญิง และ 80.1 ปีสำหรับเพศชาย ตามข้อมูลล่าสุดขององค์การอนามัยโลก ที่ตีพิมพ์ในปี 2561 ทำให้ขึ้นเป็นอันดับ 5 ของ World Life ในขณะที่สหรัฐอเมริกาเป็นอันดับที่ 34

Stewart Richmond  ผู้สื่อข่าว International Living ประจำประเทศฝรั่งเศสตอนใต้ กล่าวว่า “ มีเหตุผลที่ประเทศฝรั่งเศส ได้รับการขนานนามจากองค์การอนามัยโลกว่า มีการรักษาพยาบาลที่ดีที่สุดในโลก เพราะทุกคนสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพได้ ด้วยราคาไม่แพง ยาที่ต้องซื้อตามใบสั่งแพทย์ ได้รับการอุดหนุนจากรัฐฯอย่างมาก จึงเป็นหนึ่งประเทศที่ยาราคาถูกที่สุดในโลก สำหรับผู้ที่มีอาการป่วยระยะยาว เช่น โรคมะเร็งหรือโรค MS การดูแลสุขภาพ และยาที่ใช้ในการรักษา จะมีให้บริการฟรี”

อันดับที่ 1 Malaysia

การดูแลสุขภาพในมาเลเซีย

คะแนน 95 จากคะแนนเต็ม 100 ทำให้มาเลเซีย ขึ้นเป็นอันดับแรกปลายทางในฝันของวัยเกษียณ ในหมวดของบริการสุขภาพ ตามดัชนีการเกษียณอายุ ของโลกประจำปีนี้

บริการดูแลสุขภาพ ที่ถือเป็นอัญมณีแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาจากการบริการระดับ world class ด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัย และโครงสร้างพื้นฐานที่สมบูรณ์ โรงพยาบาลของมาเลเซียส่วนใหญ่ ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก JCI ทั้ง 13 แห่ง และแพทย์แทบทุกคน พูดภาษาอังกฤษได้อย่างดี เป็นเพราะแพทย์ส่วนใหญ่ ได้รับการอบรมและฝึกฝน ในประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา หรือออสเตรเลีย ทำให้การสื่อสารกับคนไข้ เป็นไปอย่างไร้ที่ติ  จึงไม่น่าแปลกใจ ที่มาเลเซีย จะกลายเป็นจุดหมายปลายทาง ด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ชั้นนำ

JCI หรือ Joint Commission International เป็นองค์กรสากลของสหรัฐอเมริกา ซึ่ง ถือเป็นมาตรฐานระดับทองคำ ในการประเมินด้านการดูแลสุขภาพทั่วโลก โดยมาเลเซียได้รับการรับรองจาก JCI สำหรับโรงพยาบาลสี่แห่งในกัวลาลัมเปอร์ และอีกสองแห่งในปีนัง

มาเลเซียมีโรงพยาบาลทั้งของรัฐ และเอกชน ซึ่งชาวต่างชาติ สามารถเลือกเข้ารับบริการ ได้ตามความต้องการ โดยโรงพยาบาลเอกชนมีแนวโน้มที่จะมีราคาแพงกว่าเล็กน้อย แต่มีมาตรฐานตะวันตก มากกว่าโรงพยาบาลของรัฐ และแม้จะเป็นโรงพยาบาลเอกชน แต่ค่ารักษาก็มีราคาไม่สูง จนผู้เข้ารับการรักษาตัดสินใจจ่ายเงินได้ไม่ยาก

การเข้าพบแพทย์เฉพาะทาง หรือผู้เชี่ยวชาญ ไม่จำเป็นต้องนัดหมายล่วงหน้า และไม่จำเป็นต้องมีการ refer จาก GP (แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป)  ทำให้ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก

ยาตามใบสั่งแพทย์ในมาเลเซีย มีราคาที่ไม่แพง แต่ราคาที่ถูกไม่ใช่เซอร์ไพรส์ที่ดึงดูดที่สุด สิ่งที่ทำให้ประทับใจ คือการบริการ เภสัชกร ก็เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของมาเลเซีย คือได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี และเป็นมิตร รวมทั้งให้ข้อมูลที่มีประโยชน์อย่างมาก

Keith Hockton ผู้สื่อข่าวของ International Living ประจำมาเลเซีย ซึ่งพักที่ปีนังกล่าวว่า “เมื่อเร็วๆ นี้ ฉันตัดสินใจที่จะเข้ารับการบริการทางการแพทย์  ซึ่งไม่เคยทำมาก่อน ฉันไปที่โรงพยาบาล Lan Wah Eee โดยไม่ได้นัดล่วงหน้า  หลังจากลงทะเบียน ฉันใช้เวลารอพบแพทย์ไม่ถึงห้านาที และภายในหนึ่งชั่วโมง ฉันได้รับการตรวจจากแพทย์ มีการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ตรวจเลือด และตรวจปัสสาวะ

ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการเข้าตรวจ เพียงแค่ 44 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,365 บาท)  และแพทย์ผู้ตรวจ โทรมาหาฉันเพื่อแจ้งผลในบ่ายของวันนั้น บริการระดับนี้ ไม่เพียงทำให้การแพทย์ในมาเลเซีย เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ยังทำให้เป็นบริการที่ไม่น่ากลัวอีกด้วย เพราะทุกอย่างมันง่ายมาก”

Source

Exit mobile version