
onlinenewstime.com : ทุกวันนี้เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกได้เปลี่ยนไป หลายสิ่งหลายอย่างสะดวกสบาย ง่าย และทันสมัยรวดเร็วขึ้น ในโลกยุคปัจจุบัน ถุงพลาสติกนับเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์และเป็นที่นิยมใช้สูงมาก เนื่องจากสะดวก น้ำหนักเบา และราคาถูก รวมถึงใช้งานในระยะเวลาสั้น แต่ทว่ากลับใช้เวลาในการย่อยสลายที่ยาวนานมาก จึงทำให้ปริมาณขยะถุงพลาสติกสะสมและตกค้างเป็นจำนวนมากและมากขึ้นทุกปี
ซีพี ออลล์ ผู้ก่อตั้งร้านเซเว่น อีเลฟเว่นในประเทศไทย ซึ่งดำเนินธุรกิจควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด เป็นองค์กรภาคเอกชนที่เดินหน้านโยบาย 7 GO Green (เซเว่น โก กรีน) มากว่า 10 ปี จึงถือฤกษ์วันที่ 7 เดือน 11 ประกาศเจตนารมณ์ “ลด และ เลิกใช้ถุงพลาสติก” ที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่นทั่วประเทศ ตามปณิธานอันมุ่งมั่นของซีพี ออลล์ “ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้ทุกคน” ที่จะร่วมพัฒนาชุมชนและสังคมควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
นายธานินทร์ บูรณมานิต กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ซีพี ออลล์ ผู้ก่อตั้งร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ในประเทศไทย กล่าวว่า ซีพี ออลล์ได้เริ่มดำเนินโครงการรณรงค์ลดและเลิกการใช้ถุงพลาสติกอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านโครงการ 7 Go Greenตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปัจจุบันต่อเนื่องมากว่า 10 ปี ด้วยความมุ่งหวังที่จะสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมให้กับชุมชน สังคม และประเทศชาติ ผ่านโครงการต่างๆ ตามปณิธานของบริษัท “ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้ทุกคน”
“บริษัทขอประกาศเจตนารมณ์อันแน่วแน่ที่จะลดและเลิกการใช้ถุงพลาสติกที่ร้านเซเว่นฯ และขอเชิญชวนคนไทยร่วมกันลดและเลิกใช้ถุงพลาสติกร่วมกันโดยลดการใช้ถุงพลาสติกวันละถุงก็จะช่วยลดปัญหาโลกร้อนได้ สำหรับที่ผ่านมาบริษัทก็ได้รับการสนับสนุนจากผู้บริโภคและนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการที่ร้านเซเว่นฯ เป็นอย่างดี ซึ่งทุกคนต่างก็ตระหนักถึงผลกระทบของขยะถุงพลาสติกที่มีต่อโลกของเรา ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ไม่รับถุงพลาสติกกับโครงการปฏิเสธถุงได้แต้ม โดยร้านเซเว่น อีเลฟเว่นทุกสาขาทั่วประเทศจะให้แต้ม 10 แต้มกับลูกค้าที่ชำระเงินผ่านบัตร 7 Value Card และปฏิเสธการใช้ถุงพลาสติก นอกจากนี้ ยังมีโครงการลดการใช้ถุงพลาสติกที่บริษัทได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง หลากหลายโครงการ”
ด้าน น.ส.วรรศิกา ญาณสิทธิ หนึ่งในลูกค้าที่ใช้บริการร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น เผยว่า ปกติก็จะใช้ถุงพลาสติกในชีวิตประจำวันทุกวัน เฉลี่ยวันละ 1 ถุง ถ้าเป็นถุงหูหิ้วก็จะนำกลับมาใช้ใหม่สำหรับใส่ขยะหรือใส่ของอย่างอื่น การประกาศเจตนารมณ์ “ลด และ เลิก ใช้ถุงพลาสติก” ของ 7-11 ในครั้งนี้ จึงรู้สึกยินดีมากเพราะเคยได้ยินว่าประเทศอื่นๆ ก็เริ่มลดใช้ถุงพลาสติกกัน และตระหนักถึงปัญหาของถุงพลาสติกที่มีต่อสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว จึงอยากสนับสนุนให้มีการรณรงค์แบบนี้ต่อไปให้แพร่หลาย เพราะบางครั้งเวลาไปเที่ยวข้างนอกหรือไปซื้อของก็จะนำถุงผ้าติดไปด้วยทุกครั้ง การจัดกิจกรรมแบบนี้ถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะว่าจริงๆ แล้วคนไทยบางส่วนอาจจะยังไม่ตระหนักถึงพิษภัยและปัญหาจริงๆ พอเซเว่นฯมารณรงค์อย่างนี้ก็เหมือนกับได้ร่วมรับทราบข้อมูลที่เป็นประโยชน์และช่วยลดขยะที่เกิดจากถุงพลาสติกไปด้วย
ส่วนนายมนัส พิกุลแย้ม ก็เป็นอีกนึ่งคนที่ใช้บริการร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เป็นประจำและปฏิเสธการรับถุงพลาสติก โดยให้สัมภาษณ์ว่า “ปกติแล้วจะไม่ค่อยได้ใช้ถุงพลาสติกในชีวิตประจำวันเท่าไร เพราะรู้ถึงพิษภัยและปัญหาของถุงพลาสติกเป็นอย่างดีว่าย่อยสลายยาก เวลาแม่บ้านไปจ่ายกับข้าวก็จะถือถุงผ้าไปใส่ของอยู่เสมอและสะดวกรวมเป็นถุงเดียวใส่ของมา แต่ถ้าหากว่ามีถุงพลาสติกกลับมาด้วย ก็จะเก็บไว้และนำกลับมาใช้สำหรับทิ้งขยะในครัวเรือน “เห็นด้วยกับการรณรงค์ และประกาศเจตนารมณ์ “ลด และ เลิก ใช้ถุงพลาสติก” ของ 7-11 เพราะจะช่วยให้คนได้ตระหนักถึงพิษภัยของขยะถุงพลาสติกมากขึ้น ถึงแม้จะไม่ได้ 100% เพราะคนยังมีความจำเป็นในการใช้ถุงพลาสติกอยู่ แต่ทุกภาคส่วนก็ควรตระนักร่วมมือกันในการลดใช้และผลิตถุงพลาสติกให้น้อยลงและจริงจังมากกว่านี้ ก็ค่อยเป็นค่อยไปก็ยังดีครับ”
ที่ผ่านมาซีพี ออลล์ได้ขยายผลด้านการรณรงค์ลดใช้ถุงพลาสติกไปยังพื้นที่ต่างๆ เช่น ในมหาวิทยาลัย ในโรงพยาบาล และตามเกาะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิ “รักษ์อันดามัน ร่วมใจลดใช้ถุงพลาสติก” โดยร่วมมือกับกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มูลนิธิโลกสีเขียว เครือเจริญโภคภัณฑ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อุทยานแห่งชาติบนเกาะต่างๆ ชุมชนในท้องถิ่นต่างๆ , ภาคประชาสังคม โดยที่ได้ดำเนินการไปแล้ว คือ เกาะลันตา เกาะยาวน้อย-เกาะยาวใหญ่ เกาะหลีเป๊ะ เกาะพีพี รวมถึงเกาะเต่าและเกาะเสม็ด โดยร่วมกับภาคประชาสังคมและชุมชนในเกาะต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้เยาวชน นักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วม และช่วยกันขับเคลื่อนการลดและเลิกใช้ถุงพลาสติก นำไปสู่การสร้างพฤติกรรมใหม่ให้เกิดแนวคิดด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ยังได้ต่อยอดกิจกรรมไปสู่เยาวชนและสังคม ผ่านการสร้างเครือข่ายเยาวชนไทยลดใช้ถุงพลาสติก และได้ขยายโครงการไปสู่สถาบันการศึกษา และมหาวิทยาลัยต่างๆ
โดยร่วมกับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) ในการจัดทำโครงการลดการใช้ถุงพลาสติก จากนั้นก็ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมหิดล และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ทำให้ลดการใช้ถุงพลาสติกในร้านเซเว่นฯ ที่อยู่ในมหาวิทยาลัยดังกล่าวได้ถึง 90% โดยในปี 2560 สามารถลดการใช้ถุงพลาสติกได้กว่า 24 ล้านใบ และในปีนี้ได้ทำบันทึกข้อตกลงร่วมกับ30 มหาวิทยาลัยเครือข่ายมหาวิทยาลัยยั่งยืนแห่งประเทศไทยในการรณรงค์ลดใช้ถุงพลาสติก
อีกทั้งยังมีโครงการ “ปฏิเสธถุง…ได้บุญ” หนึ่งในการรณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติกในร้านเซเว่นฯ ที่อยู่ในโรงพยาบาลรามาธิบดี ศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เมื่อลูกค้าเข้ามาใช้บริการในร้านเซเว่นฯ และปฏิเสธการใช้ถุงพลาสติก ทางร้านเซเว่นฯ จะสะสมยอดค่าใช้จ่ายไว้ 0.20 บาท เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการลดการใช้ถุงพลาสติกและยังเป็นการทำบุญอีกด้วย
นอกเหนือจากนี้ สิ่งสำคัญอยู่ที่ทุกคนต้องร่วมใจกันอย่างจริงจัง ปลุกจิตสำนึกต่อส่วนรวม ลดละเลิกการใช้ถุงพลาสติกอย่างถาวร โดยเริ่มต้นที่ตัวเองก่อน ปฏิเสธไม่รับถุงพลาสติก ไปซื้อของทุกครั้งนำถุงผ้าติดตัวไปด้วยเสมอ เชื่อว่าลมหายใจของโลกใบนี่จะยืนยาวยิ่งขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน