fbpx
News update

ธุรกิจบ้านปูในสหรัฐฯ กับเทคโนโลยี CCUS ที่ต่อยอดการเติบโตและตอบโจทย์ความยั่งยืน

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ถือเป็นบริษัทไทยรายแรกที่เข้าไปลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 และเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน บ้านปูสามารถต่อยอดไปยังธุรกิจผลิตไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิง

รวมถึงโครงการการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CCUS (Carbon Capture, Utilization and Sequestration) เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ที่มั่นคงและตอบโจทย์การเติบโตอย่างยั่งยืนโดยสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากธุรกิจพลังงาน

และนับเป็นบริษัทไทยรายแรกที่ริเริ่มโครงการ CCUS ในประเทศยุทธศาสตร์อย่างสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จตั้งแต่ปี ค.ศ. 2023

เทคโนโลยี CCUS (Carbon Capture, Utilization and Sequestration) หรือการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นกระแสที่คนในแวดวงพลังงานพูดถึงกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งเป็นก๊าซชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นในการผลิตก๊าซธรรมชาติ

พูดง่าย ๆ คือ ในกระบวนการผลิตก๊าซธรรมชาติจะทำให้ได้ก๊าซหลากหลายชนิดด้วยกัน การนำเทคโนโลยี CCUS มาใช้จึงเริ่มจากการแยก CO2 ออกจากก๊าซชนิดอื่น ๆ ในหน่วยการผลิตก๊าซธรรมชาติ จากนั้นจึงนำ CO2 ที่คัดแยกได้มากักเก็บไว้ในชั้นหินใต้ดินแบบถาวร

ปัจจุบัน บ้านปูดำเนินโครงการ CCUS จำนวน 2 โครงการในสหรัฐฯ โครงการแรก “Barnett Zero (บาร์เนตต์ ซีโร่)” มีอัตราการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ยสูงสุด 210,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี เปรียบเทียบแล้วเท่ากับโครงการ CCUS นี้ สามารถดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มาจากการใช้รถยนต์ได้ถึง 40,000 คัน ต่อวัน[1]

โครงการที่สอง “Cotton Cove (คอตตอน โคฟ)” มีอัตราการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ยสูงสุดที่ 45,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี โดยโครงการนี้จะช่วยแยก กำจัด และกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นผลพลอยได้ (byproduct) จากการผลิตก๊าซธรรมชาติในแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์

อีกทั้งยังมีโอกาสนำไปต่อยอดเพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นธุรกิจกลางน้ำของกลุ่มบ้านปูอีกด้วย

ทั้งนี้ ด้วยศักยภาพของโครงการที่มีในปัจจุบันและโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนา เช่น โครงการ High West (ไฮเวสต์) ธุรกิจก๊าซธรรมชาติของบริษัทฯ มีแผนจะบรรลุเป้าหมายกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้ประมาณ 30 ล้านเมตริกตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปีภายในทศวรรษ 2030

ด้วยความใส่ใจในบทบาทการจัดการกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจัง ธุรกิจก๊าซธรรมชาติของบ้านปูจึงตั้งเป้าหมายบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral)  สำหรับ Scope 1 และ 2 ภายในปี ค.ศ. 2030

และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) สำหรับการปล่อยมลสารจากธุรกิจต้นน้ำ Scope 3 ภายในทศวรรษ 2030 ซึ่งโครงการ CCUS จะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้บ้านปูบรรลุเป้าหมายนี้ พร้อมด้วยศักยภาพที่จะสามารถสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจของบริษัทฯ ในมิติต่าง ๆ ดังนี้

  • ผลักดันเป้าหมายในการลดคาร์บอน (Decarbonization) ในธุรกิจก๊าซธรรมชาติอย่างยั่งยืน: การนำเทคโนโลยี CCUS มาใช้ นอกจากจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งในห่วงโซ่คุณค่าทางธุรกิจของบ้านปูในสหรัฐฯ แล้ว ยังช่วยลดการปล่อยมลสารในกระบวนการดำเนินธุรกิจเพื่อลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจตามหลักความยั่งยืนหรือ ESG (Environmental, Social, and Governance)
  • สร้างรายได้เพิ่มในระยะยาว: เทคโนโลยี CCUS ช่วยแยก CO2 ออกจากก๊าซที่ผลิตได้ก่อนส่งเข้าระบบท่อขนส่ง ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ก๊าซธรรมชาติที่มีคาร์บอนเป็นกลาง (Carbon-Sequestered Gas หรือ CSG) ซึ่งถือเป็นก๊าซธรรมชาติระดับพรีเมียม และสามารถขายให้กับลูกค้าที่มีความต้องการพลังงานสะอาดที่สามารถจ่ายในราคาที่สูงขึ้นได้
    โดย CSG จะถูกบันทึกไว้ในฐานข้อมูลระบบบล็อกเชนและแปลงสภาพเป็นโทเคน ทำให้โทเคนเหล่านี้ถือเป็นคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) ที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานภายนอก และสามารถโอนเปลี่ยนมือได้พร้อมกับการขายก๊าซธรรมชาติ นอกจากนี้ ในอนาคตบริษัทฯ ยังสามารถขยายการให้บริการแยกและกักเก็บคาร์บอนให้กับบริษัทและธุรกิจอื่น ๆ ได้
  • ผสานพลังร่วมในอนาคตกับธุรกิจไฟฟ้า: CCUS เป็นเทคโนโลยีประสิทธิภาพสูงที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลในการลดการปล่อย CO2 จากการดักจับและกักเก็บ CO2 สามารถนำไปต่อยอดใช้ในธุรกิจผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ทั้งที่อยู่ในระบบนิเวศธุรกิจของกลุ่มบ้านปูและโรงไฟฟ้าอื่น ๆ ได้ในอนาคตอันใกล้

นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บ้านปูให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลระหว่างการสร้างรายได้ที่มั่นคงและการส่งมอบพลังงานที่มีความรับผิดชอบต่อโลก นี่คือหมุดหมายหลักในการนำธุรกิจของบ้านปูเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน (Sustainable Energy Transition) ของเรา

และในฐานะผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติชั้นนำ 20 อันดับแรกในสหรัฐฯ และผู้พัฒนาโครงการ CCUS เชิงพาณิชย์ถาวรโครงการแรก ๆ ในสหรัฐฯ โครงการ CCUS ของเราจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจและสร้างกระแสเงินสดให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมมีส่วนสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายในกลุ่มบ้านปูได้อย่างต่อเนื่อง”


[1] อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ของ United States Environmental Protection Agency รถยนต์ 1 คัน ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 0.0126 ตัน ต่อวัน ในขณะที่ โครงการ   บาร์เนตต์ ซีโร่ สามารถดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 600 ตัน ต่อวัน