Site icon Onlinenewstime.com – News and Knowledge to sustainability

สถิติต่างชาติลงทุนในไทยโตต่อเนื่อง 2 เดือนปี ‘68 ลงทุนแล้ว 35,277 ล้านบาท

Onlinenewstime.com : นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 เปิดเผยว่า 2 เดือนแรก (มกราคม-กุมภาพันธ์) ปี 2568 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จำนวน 181 ราย

โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 41 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 

และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 140 ราย เงินลงทุนรวม 35,277 ล้านบาท โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก 2 เดือนแรก ปี 2568 ได้แก่

1. ญี่ปุ่น 38 ราย คิดเป็นร้อยละ 21 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 13,676 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ  

2. จีน 23 ราย คิดเป็นร้อยละ 13 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 5,113 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ

3. สิงคโปร์ 23 ราย คิดเป็นร้อยละ 13 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 4,490 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ

4. สหรัฐอเมริกา 19 ราย คิดเป็นร้อยละ 11 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 1,372 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ 

5. ฮ่องกง 16 ราย คิดเป็นร้อยละ 9 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย มีเงินลงทุน 1,587 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ

ถือได้ว่าการเข้ามาประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในไทยช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมข้างต้น มีส่วนช่วยในการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น

องค์ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการติดตั้งทางวิศวกรรมเกี่ยวกับระบบบำบัดและรีไซเคิลน้ำเสีย องค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการท่าเทียบเรือและความปลอดภัยการขนถ่ายสินค้า

องค์ความรู้เกี่ยวกับระบบจัดการเชื้อเพลิงอัจฉริยะ  องค์ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า องค์ความรู้เกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำมันหล่อลื่น เป็นต้น

เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2567 พบว่า การอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย เพิ่มขึ้น 73 ราย (68%) (เดือน ม.ค. – ก.พ.68 อนุญาต 181 ราย / เดือน ม.ค. – ก.พ.67 อนุญาต 108 ราย) และมีมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น 8,738 ล้านบาท (33%) (เดือน ม.ค. – ก.พ.68 ลงทุน 35,277 ล้านบาท /

เดือน ม.ค. – ก.พ.67 ลงทุน 26,539 ล้านบาท) รวมถึงมีการจ้างงานคนไทยจากนักลงทุนที่ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวเพิ่มขึ้น 784 ราย (140%) (เดือน ม.ค. – ก.พ. 68 จ้างงาน 1,344 คน / เดือน ม.ค. – ก.พ.  67 จ้างงาน 560 คน)  โดยจำนวนนักลงทุนที่เข้ามาสูงสุดยังคงเป็นนักลงทุนญี่ปุ่นเช่นเดียวกับปีก่อน

อธิบดีอรมน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ปี 2568 (ม.ค. – ก.พ.) มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC 57 ราย คิดเป็นร้อยละ 31 ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติในไทย เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 จำนวน 22 ราย (63%) (เดือน ม.ค. – ก.พ.68 ลงทุน 57 ราย / เดือน ม.ค. – ก.พ.67 ลงทุน 35 ราย)

โดยมีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC 17,546 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 50 ของเงินลงทุนทั้งหมด เป็นนักลงทุนจากประเทศ * ญี่ปุ่น 19 ราย ลงทุน 8,096 ล้านบาท * จีน 14 ราย  ลงทุน 2,751 ล้านบาท * สิงคโปร์ 8 ราย ลงทุน 2,191 ล้านบาท และ ประเทศอื่นๆ อีก 16 ราย ลงทุน 4,508 ล้านบาท โดยธุรกิจที่ลงทุน อาทิ

เฉพาะเดือนกุมภาพันธ์ 2568 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจในประเทศไทย 78 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 20 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 58 ราย เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 12,118 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจาก ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และจีน ตามลำดับ มีการจ้างงานคนไทย 1,344 คน

รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับระบบจัดการเชื้อเพลิงอัจฉริยะ องค์ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า องค์ความรู้เกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำมันหล่อลื่น องค์ความรู้เกี่ยวกับโปรแกรมจัดการคลังสินค้า เป็นต้น

Exit mobile version