fbpx
News update

Digital Construction กับมาตรฐาน BIM ครั้งแรกของไทย

onlinenewstime.com : ในโอกาสที่ วสท. เตรียมจัดงานวิศวกรรมแห่งชาติ 2562 มหกรรมแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหญ่ที่สุดในประเทศไทย 3 องค์กรวิชาชีพ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ผนึกกำลัง สภาวิศวกร และสภาสถาปนิกพร้อมทั้งสมาคมและเครือข่ายอุตสาหกรรมก่อสร้างของไทยขับเคลื่อนสู่แพลตฟอร์ม “Digital Construction” ปักธงทำมาตรฐาน Thailand  BIM Standard ของประเทศไทย สู้ศึกการค้าและดิสรัปชั่น

เปลี่ยนผ่านการพัฒนาประเทศสู่ Digital Construction

ดร.ทศพร ศรีเอี่ยม กรรมการ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ และประธานจัดงานวิศวกรรมแห่งชาติ 2562 กล่าวว่าอุตสาหกรรมออกแบบและก่อสร้าง มีบทบาทสำคัญ ต่อการพัฒนาเมือง และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ แก่ประเทศปีละกว่า 1.2 ล้านล้านบาท ผู้ประกอบการ สถาปนิก วิศวกร จำเป็นต้องเปลี่ยนผ่าน สู่อุตสาหกรรมก่อสร้างดิจิทัล หรือ Digital Construction

ปัจจุบัน วิศวกรในประเทศไทยมีจำนวน 240,000 คน สถาปนิก 20,000 คน ผู้ประกอบการ และซัพพลายเชนอีกจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนผ่าน เพื่อก้าวสู่แพลตฟอร์ม “Digital Construction” และภูมิทัศน์ใหม่ๆ ซึ่ง BIM (Building Information Modeling) เป็นหนึ่งในกลไกของ Digital Infrastructure กระบวนการบูรณาการ ของทุกส่วน ในงานก่อสร้างบนโมเดลเดียวกัน

สร้างความก้าวหน้า ท่ามกลางการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น และคลื่นเทคโนโลยีที่ถาโถมเข้ามา อาทิ การสื่อสาร 5G , 3D printing , Robotic และ Automation เพื่อพัฒนางานก่อสร้าง ให้ทรงพลังอย่างยั่งยืน เพิ่มคุณภาพ ประหยัดกำลังคน แก้ปัญหาแรงงานที่ขาดแคลน ประหยัดเวลาและพลังงาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการบริหารจัดการ ที่แม่นยำและโปร่งใส

BIM เป็นกระบวนการครบวงจรชีวิตอาคาร เป็นฐานข้อมูลเมืองดิจิทัล

นายวิจิตร ศิลาวิเศษฤทธิ์ สภาสถาปนิก กล่าวว่า BIM หรือ Building Information Modeling เป็นเทคโนโลยีใหม่ ที่ถูกพัฒนาขึ้นสำหรับวงการก่อสร้าง ไม่ใช่ซอฟท์แวร์ แต่เป็นกระบวนการ ตั้งแต่การเริ่มต้นของอาคาร จนครบวงจรชีวิตของอาคาร (Life Cycle) เริ่มตั้งแต่การวางโจทย์โครงการ , วิเคราะห์-ออกแบบแนวคิดโครงการ , การออกแบบอาคารหรือโครงสร้างด้วยแบบจำลอง 3 มิติ โดยสามารถสร้างแบบจำลองเสมือนจริง ในคอมพิวเตอร์ รวมไปถึงการคำนวณ ระบุขนาด สเปค จำนวนวัสดุ

เหล่านี้จะส่งผลดีต่อสถาปนิก และวิศวกรผู้ออกแบบทุกฝ่าย ทั้งงานโครงสร้าง งานสถาปัตยกรรม งานระบบ สามารถทำงานบนโมเดลเดียวกันได้ ทำให้ประสานงานระหว่างทีม ออกแบบ และบริหารต้นทุนโครงการ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ตลอดกระบวนการ ตั้งแต่ออกแบบจำลองแบบอาคาร 3 มิติ ทดสอบ และควบคุมงานก่อสร้าง การบำรุงรักษาหลังสร้างเสร็จ ในอนาคตบทบาทของอุตสาหกรรมก่อสร้างและ BIM จะสามารถวางโครงสร้างพื้นฐา นในรูปแบบของ BIM ซึ่งจะช่วยให้เกิดการบริหารจัดการเมืองแบบ Smart City ได้ง่ายขึ้น

เนื่องจากมีข้อมูลของเมืองในรูปแบบ Digital สามารถนำไปใช้กับการวิเคราะห์ บริหารจัดการเมือง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ในยุคดิสรัปชั่น สถาปนิกและวิศวกร ต้องเตรียมพร้อมกับความเปลี่ยนแปลง เช่น BIM , AI จะเป็นปัจจัยพื้นฐานต่อยอด และพัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ๆ

2 ปีที่ผ่านมา เราได้ศึกษาและวิจัยพัฒนา แนวทางการใช้เทคโนโลยี BIM 2 เล่ม ด้วยความร่วมมือจากองค์กรในประเทศ และนานาประเทศ อาทิ ยุโรป ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม เพื่อให้ BIM Standard เป็นมาตรฐานกลาง ที่สามารถใช้ทำงานร่วมกับผู้อื่น ต่างองค์กรและต่างประเทศ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี 2563 จะเห็นได้ว่าการพัฒนา BIM ในประเทศจีน ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจขนานใหญ่  สิงคโปร์ มาเลเซีย รุดหน้าไปไกลแล้ว ตามด้วยประเทศเวียดนามที่นำ BIM มาใช้ สร้างความเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว

เนื่องจากมีศักยภาพทางด้านอุตสาหกรรมสูง จึงมีความจำเป็นต้องเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านต่างๆ ทั้งทางด้านสาธารณูปโภค โครงการพัฒนาเมืองใหม่ การพัฒนาคมนาคม และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ฯ สำหรับประเทศไทยเอง มีศักยภาพและจุดเด่นการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจอาเซียน แต่ยังนำเทคโนโลยี BIM มาใช้น้อย เนื่องจากชุดคำสั่ง มีราคาต้นทุนสูง และการใช้งานหลายอย่าง ไม่เหมาะกับความต้องการที่แตกต่างในประเทศไทย ทำให้หลายองค์กร ยังคงนิยมใช้เทคโนโลยีดั้งเดิมแบบ 2 มิติ

งานวิศวกรรมแห่งชาติ 62 เปิดเวทียกร่าง Digital Construction

ทั้งนี้ ในงานวิศวกรรมแห่งชาติ 2562 ซึ่งจัดโดย วสท.ในวันที่ 13 – 15 พ.ย. 62 ณ อิมแพ็คฟอรั่ม เมืองทองธานี ภายใต้ธีม “Engineering for Society : Digital Transformation” ซึ่งเป็นมหกรรมแสดงผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมและเทคโนโลยี พร้อม 55 หัวข้อสัมมนา สำหรับคนไทย ได้มาอัพเดทกับโลกที่เปลี่ยนแปลง จะเปิดเวทีเสวนา เรื่อง “3 องค์กรวิชาชีพปักธง BIM Standard ประเทศไทย…ยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างดิจิทัลรองรับยุคเทรดวอร์ – ดิสรัปชั่น” เพื่อระดมข้อคิดเห็น เสนอข้อกำหนดต่างๆ สู่การยกร่าง เป็นมาตรฐานดิจิทัลคอนสตรัคชั่น (Digital Construction) ระดับประเทศ

ประโยชน์ของ BIM Standard ต่อประเทศไทย

นายทรงพล ยมนาค ผู้ทรงคุณวุฒิ สภาสถาปนิก กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการ สถาปนิก วิศวกร ต่างคนต่างใช้ BIM จากประเทศต่างๆ โดยที่เรายังไม่มีมาตรฐาน BIM Standard ของประเทศไทยเลย ดังนั้นการพัฒนา Thailand BIM Standard เป็นครั้งแรก จะเป็นผลดีเกิดประโยชน์ต่อประเทศไทยหลายด้าน คือ

  1. ส่งเสริมศักยภาพในการแข่งขัน ของอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเครื่องยนต์หลักที่สร้างรายได้แก่ประเทศ
  2. เป็นมาตรฐานกลาง ทั้งทางด้านโปรแกรม และผู้ใช้งาน และแนวทางการเลือกใช้งาน BIM สามารถส่งต่อข้อมูลข้ามประเทศได้อย่างสอดคล้องกันกับมาตรฐานของนานาประเทศ
  3. เสริมสร้างความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ในการก่อสร้างและสถาปัตยกรรม ทำให้วิศวกร สถาปนิก และบุคลากรในวิชาชีพพัฒนาก้าวทันโลก
  4. ยกระดับความก้าวหน้า ในการประกอบวิชาชีพด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี
  5. ส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรม และผลิตภัณฑ์ใหม่ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง
  6. ส่งเสริมคุณภาพและประสิทธิภาพของอุตสาหกรรมก่อสร้าง ที่ถูกต้องแม่นยำ และโปร่งใสด้วยธรรมาภิบาล

5 ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล ขับเคลื่อน BIM วาระแห่งชาติ

ดร.ธเนศ วีระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ สรุป 5 ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้     

  1. ขอให้รัฐบาลบรรจุแผนพัฒนา BIM เป็นวาระแห่งชาติ ไว้ในแผน Digital แห่งชาติและ Thailand 4.0 ดังเช่น ประเทศเวียดนามที่ล้ำหน้าไปไกล  
  2. รองรับอนาคต โดย BIM จะเชื่อมต่อ ทำให้นโยบายพัฒนา Smart Cities ของไทยมีประสิทธิภาพ และขับเคลื่อนได้รวดเร็ว     
  3. เร่งยกระดับการพัฒนาประเทศ และศักยภาพก่อสร้างไทยเป็น Digital Constructions  ที่แข่งขันได้ในเวทีสากล อาเซียนและ RCEP     
  4. รัฐบาลควรเร่งพัฒนาบุคคลากรด้าน BIM ใน 2 กลุ่ม คือ
    1. บรรจุเข้าหลักสูตรมหาวิทยาลัย และอาชีวศึกษา
    2. Reskill คนทำงานและผู้ประกอบการ ให้อัพเดทกับเทคโนโลยี BIM     
  5. หน่วยงานรัฐควรส่งเสริมการใช้ Thailand BIM Standard เพื่อเป็นมาตรฐานกลางของประเทศ สำหรับงานก่อสร้างทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยสอดคล้องกับหลักสากล