Site icon Onlinenewstime.com – News and Knowledge to sustainability

GC ประกาศผลการดำเนินงาน ปี 2566 พลิกทำกำไร เผยทิศทางการดำเนินงาน ปี 2567 ต่อยอดธุรกิจ Low Carbon

เผยทิศทางการดำเนินงาน ปี 2567 ดำเนินกลยุทธ์เข้มข้นอย่างต่อเนื่อง สร้างรากฐานแข็งแกร่ง ในวันที่เศรษฐกิจโลกยังคงชะลอตัว  ต่อยอดธุรกิจ Low Carbon สร้างความแตกต่างและผลตอบแทนทางธุรกิจสู่เป้าหมาย Net Zero

พร้อมชวนทุกคนมาเป็น  “GEN S..Generation Sustainability คนเจนใหม่หัวใจยั่งยืน” สร้างแรงกระเพื่อมการใช้ชีวิตแบบ Net Zero Lifestyles ร่วมขับเคลื่อนโลกใบนี้ให้ดีกว่าเดิมและยั่งยืนไปด้วยกัน

ในปีที่ผ่านมา ธุรกิจปิโตรเคมีโดยรวมยังคงอยู่ในภาวะอ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับความกดดันจากปัจจัยทั้งด้านภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ปลายทางของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี และการเริ่มดำเนินการของกำลังการผลิตใหม่ในตลาด โดยเฉพาะจากประเทศจีน มีผลให้การดำเนินงานของ GC ในปี 2566 มีรายได้จากการขายรวม 616,635 ล้านบาท ปรับตัวลดลงร้อยละ 9 จากราคาผลิตภัณฑ์กลุ่มปิโตรเลียมและปิโตรเคมีปรับลดลงในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ สะท้อนสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวจากสภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก

อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ยังคงมีผลกำไรสุทธิรวม 999 ล้านบาท (0.22 บาท/หุ้น) ด้วยการมุ่งเน้นทำสิ่งที่ควบคุมได้ ดำเนินการมาตรการภายในอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง รวมถึงสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ ผ่านการดำเนินงาน ดังนี้

ในปี 2566 GC ได้รับการยอมรับทั้งในระดับชาติและระดับสากล จากการได้รับรางวัลต่างๆ ตอกย้ำความมุ่งมั่นทุ่มเทดำเนินการด้านความยั่งยืนตามมาตรฐานสากล ด้วยการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงดุลยภาพของสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ (Governance & Economic) (ESG) ส่งผลให้เกิดผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ ดังตัวอย่างต่อไปนี้ 

GC เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่ง โดยใช้กลยุทธ์ 3 Steps Plus: Step Change, Step Out และ Step Up อย่างต่อเนื่อง ดังนี้

ชีวภาพที่เพิ่มขึ้นใน Asia Pacific โรงงานแห่งนี้จะช่วยขยายการเข้าถึงวัสดุชีวภาพคาร์บอนต่ำของลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนระดับโลก โดยโพลิเมอร์ชีวภาพ      มีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงกว่า 73% เทียบกับวัสดุจากปิโตรเคมี และสามารถนำไปใช้งานได้ในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ บรรจุภัณฑ์ สิ่งทอ และผ้าชนิดไม่ทอ เป็นต้น

GC มีผลสำเร็จที่โดดเด่น เป็นที่ประจักษ์ ด้วยแผนที่ชัดเจนและมีความก้าวหน้าตามแผน ภายใต้กลยุทธ์ความยั่งยืนและการดำเนินงานด้าน Decarbonization ตามเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2593 เพื่อมุ่งสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ (Low Carbon) ได้แก่ 

และชุมชนต่างๆ ในหลายโครงการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2566 บนพื้นที่รวมกว่า 8,600 ไร่ ได้แก่ โครงการป่านิเวศระยองวนารมย์ของ GC Estate โครงการปลูกป่าในพื้นที่สำนักงานระยองโครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิตร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) โครงการปลูกต้นไม้ “ยิ่งปลูกยิ่งดี” GC x กทม.

และโครงการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งคาดว่าโครงการทั้งหมดดังกล่าว จะสามารถดูดซับคาร์บอนได้ประมาณ 27,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

ด้วยปัจจัยภายนอกทั้งจากเมกะเทรนด์ต่างๆ Industry Landscape รวมถึงภูมิรัฐศาสตร์ที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและการดำเนินธุรกิจ จึงทำให้การดำเนินงานในปี 2567 ยังคงมีความท้าทาย GC จึงกำหนดทิศทางและทบทวนกลยุทธ์ 3 Steps Plus : Step Change, Step Out, Step Up ที่ดำเนินมาอย่างถูกทางแล้ว ให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น และปรับให้สอดคล้องกับ Industry Landscape ที่เปลี่ยนแปลงไป 

Step Change: สร้างรากฐานแข็งแกร่ง ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพ การควบคุมค่าใช้จ่าย และ การพัฒนาความร่วมมือในมิติต่างๆ รวมถึงมุ่งเน้นการเติบโตทางธุรกิจที่เน้นตลาด (Market-Focused Business) โดยการเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกและเคมีภัณฑ์มูลค่าสูง (High Value Products: HVP) มีเป้าหมาย 56% ในปี 2571 และผลิตภัณฑ์นวัตกรรม

Step Out: แสวงหาโอกาสใหม่เพื่อสร้างการเติบโต และดูแลด้านต้นทุนของ allnex  พร้อมขยายตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพเเละผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน (Bio & Circularity) มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์รีไซเคิล รวมถึง Bio-Refinery โดยผลิตภัณฑ์ที่ได้สามารถนำไปผลิตผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องต่างๆ ได้มากมาย ทั้งในอุตสาหกรรมสุขอนามัยส่วนบุคคล อุตสาหกรรมยา อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมเคมีชีวภาพ และอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ ฯลฯ 

Step Up: สร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ โดยดำเนินงานด้าน Decarbonization ให้เป็นไปตามเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2593 รวมถึงมุ่งมั่นรักษาความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง

GC ยังวางแผนปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยการหาพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ และ Non-Core Business นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างศึกษาธุรกิจใหม่เกี่ยวกับไฮโดรเจนและคาร์บอน โดยใช้จุดแข็งและความเชี่ยวชาญที่ GC มีในธุรกิจไฮโดรคาร์บอน สร้างความแตกต่างและผลตอบแทนทางธุรกิจในอนาคต มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ที่ได้วางไว้

โดยที่ผ่านมา ได้มีการลงนามความร่วมมือศึกษาเทคโนโลยีการพัฒนาโรงงาน     ปิโตรเคมีระหว่าง GC กับ บริษัท มิตซูบิชิ ฮีวี่ อินดัสทรี เอเชียแปซิฟิก จำกัด หรือ MHI-AP โดยมี 2 เป้าหมายหลัก ได้แก่ ศึกษาเพื่อเปรียบเทียบความเป็นไปได้ในการใช้ไฮโดรเจนและแอมโมเนีย เป็นเชื้อเพลิงสำหรับกังหันแก๊ส (Gas Turbine)

และเทคโนโลยีการดักจับ จัดเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CCS) ในกระบวนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากเครื่องกำเนิดไฟฟ้า และศึกษาหาแนวทางการปรับปรุง เพิ่มประสิทธิภาพในระบบดักจับ จัดเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เหมาะสมสำหรับกระบวนการผลิตไฮโดรเจน หรือ Steam Methane Reforming (SMR) 

จากการเป็นผู้ดำเนินธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากลที่ยืนหนึ่งด้านความยั่งยืนของ GC ในปี 2567 นี้ GC จึงต่อยอดแนวคิด “ดีขึ้นเพื่อคุณ ดีขึ้นเพื่อโลก” พร้อมชวนทุกคนมาเป็น “GEN S..Generation Sustainability คนเจนใหม่หัวใจยั่งยืน”  สร้างแรงกระเพื่อมการใช้ชีวิตแบบ Net Zero Lifestyles  ร่วมกู้โลก

จากภาวะโลกเดือด ด้วยหลากหลายไอเดียการใช้ชีวิตเพื่อโลกยั่งยืน เช่น รับประทานอาหารให้หมดลด Food Waste ปิดน้ำและถอดปลั๊กไฟเมื่อไม่ใช้ การใช้ผลิตภัณฑ์รักษ์โลก ใช้ซ้ำ ใช้อย่างคุ้มค่า หรือช่วยคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี 

เพราะความยั่งยืนไม่ใช่เรื่องของวัยหรือเรื่องของใคร มาร่วมสร้างสรรค์โลกใบนี้ให้ดีกว่าเดิมไปด้วยกันได้ ติดตามและร่วมค้นหาไลฟ์สไตล์เพื่อโลกที่ยั่งยืนได้อีกมากมายที่ www.gcgens.com 

Exit mobile version