Site icon Onlinenewstime.com – News and Knowledge to sustainability

สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่ EEC ไตรมาส 1/2567

โดยได้ทำการสำรวจเฉพาะโครงการที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วย REIC พบว่า ภาพรวมในพื้นที่ EEC 3 จังหวัด มีจำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยเสนอขาย 50,401 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

แบ่งเป็นหน่วยเสนอขายที่เป็นอาคารชุด 22,657 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.1 มูลค่า 80,972 ล้านบาท และหน่วยเสนอขายที่เป็นบ้านจัดสรร 27,744 หน่วย ลดลงร้อยละ -13.8  มูลค่า 92,448 ล้านบาท

โดยพบว่า หน่วยเสนอขายที่เป็นอาคารชุดส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 88.7 อยู่ในจังหวัดชลบุรี ขณะที่บ้านจัดสรรอยู่ในจังหวัดชลบุรีร้อยละ 49.3 ที่เหลือกระจายอยู่ในจังหวัดระยองและฉะเชิงเทราร้อยละ 34.2 และ 16.5 ตามลำดับ

การเปิดตัวโครงการใหม่ในภาพรวม EEC มีจำนวน 8,420 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 65.6 โดยมีมูลค่า 32,240 ล้านบาท โดยหน่วยเปิดขายใหม่ส่วนใหญ่ร้อยละ 67.6 เป็นอาคารชุด และอาคารชุดส่วนใหญ่เปิดใหม่เกือบทั้งหมดถึงร้อยละ 97.2 อยู่ในจังหวัดชลบุรี และทาวเฮ้าส์ส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 79.9 อยู่ในจังหวัดชลบุรีเช่นกัน

ขณะที่บ้านเดี่ยวส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดชลบุรีและระยองใกล้เคียงกันที่ร้อยละ 43.4 และ 41.8 สำหรับจังหวัดฉะเชิงเทรามีที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ค่อนข้างน้อยในทุกประเภทที่อยู่อาศัย

ขณะที่ยอดขายได้ใหม่ในภาพรวม EEC มีจำนวน 6,557 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.2 โดยมีมูลค่า 21,745 ล้านบาท ทั้งนี้พบว่าเป็นผลมาจากการขยายตัวภาพรวมการขายอาคารชุดใหม่ที่มีจำนวน 3,112 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 100.0 โดยมีมูลค่าการขาย 9,749 ล้านบาท

ซึ่งอาคารชุดที่ขายได้เกือบทั้งหมดถึงร้อยละ 89.6 ขายได้ใหม่อยู่ในจังหวัดชลบุรี ขณะที่ยอดขายใหม่ของบ้านจัดสรรในภาพรวม EEC มีจำนวนเพียง 3,445 หน่วย ลดลงร้อยละ -17.7  มีมูลค่า 11,996 ล้านบาท

ผลจากที่หน่วยอาคารชุดเปิดใหม่มากกว่าหน่วยที่ขายได้ใหม่ได้ส่งผลทำให้เกิดการสะสมของหน่วยเหลือขาย โดย ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2567 มีจำนวนหน่วยเหลือขายในพื้นที่ EEC จำนวน 43,844 หน่วย ลดลงร้อยละ -1.6 โดยมีมูลค่า 151,674 ล้านบาท โดยเป็นอาคารชุดเหลือขาย 19,545 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.0 มีมูลค่ารวม 71,223 ล้านบาท

โดยอาคารชุดที่เหลือขายส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 88.5 อยู่ในจังหวัดชลบุรี ขณะที่บ้านจัดสรรที่แม้ว่ามียอดขายลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ยังมีจำนวนหน่วยที่เปิดตัวใหม่ที่น้อยกว่าหน่วยที่ขายได้ใหม่มากพอสมควร

ส่งผลให้มีหน่วยเหลือขายของบ้านจัดสรรมีจำนวน 24,299 หน่วย ลดลงร้อยละ -13.2 มีมูลค่า 80,451 ล้านบาท โดยพบว่า หน่วยเหลือขายที่เป็นอาคารชุดส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 88.5 อยู่ในจังหวัดชลบุรี ขณะที่บ้านจัดสรรอยู่ในจังหวัดชลบุรีร้อยละ 49.2 ที่เหลือการขายอยู่ในจังหวัดระยองและฉะเชิงเทราร้อยละ 34.2 และ 16.7 ตามลำดับ

ดร.วิชัย กล่าวสรุปตลาดที่อยู่อาศัยในภาพรวม EEC 3 จังหวัดว่า “เราคงต้องพิจารณาโดยแยกตลาดอาคารชุดและแนวราบออกมาให้ชัดเจน ตลาดอาคารชุดในไตรมาส 1 ปี 2567 มีความคึกคักขึ้นในพื้นที่จังหวัดชลบุรีเท่านั้น

โดยมีการเปิดตัวโครงการใหม่มากในโซนพัทยาถึงจอมเทียนมากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึงกว่า 1.5 เท่า และมีการตอบสนองต่อตลาดที่ดีในระดับหนึ่งโดยมียอดขายใหม่ปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 1 เท่าตัว

ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากโครงการที่เปิดใหม่ได้รับความสนใจเลือกซื้อมากกว่าทำให้หน่วยขายได้ใหม่เพิ่มขึ้นมาก แต่หน่วยที่เหลือมาจากไตรมาสก่อนหน้า ขายได้ช้ากว่า จึงทำให้หน่วยเหลือขายของอาคารชุดในภาพรวมของ EEC เพิ่มขึ้นมาก

สำหรับบ้านจัดสรรที่เหลือขายในภาพรวม EEC พบว่า ยอดขายได้ใหม่ในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 มีจำนวนหน่วยลดลงในประเภท โดยประเภททาวน์เฮ้าส์มียอดขายได้ใหม่ในไตรมาสนี้ที่ลดลงถึงร้อยละ -28.4 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเป็นการลดต่อเนื่องกันมา 5 ไตรมาส   

ขณะที่ประเภทบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดมียอดขายได้ใหม่ในไตรมาสนี้ลดลงร้อยละ -9.1 และ -5.4  และเป็นไตรมาสที่มีจำนวนหน่วยขายที่อยู่ในระดับที่ต่ำพอสมควร แต่ด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่ที่น้อยกว่าหน่วยที่ขายได้ใหม่

ทำให้หน่วยที่เหลือขายสะสมของตลาดบ้านจัดสรรมีทิศทางที่ปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นทาวน์เฮ้าส์และบ้านแฝด สำหรับบ้านเดี่ยวแม้ว่าจะมียอดขายได้ใหม่ที่ลดลง แต่ยอดขายได้ใหม่มากกว่าหน่วยเปิดตัวในไตรมาสก่อนเล็กน้อย ส่งผลให้หน่วยเหลือขายของบ้านเดี่ยวมีการสะสมเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าเล็กน้อย”

REIC ได้สรุปผลการสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยรายจังหวัดในไตรมาส 1 ปี 2567 ของจังหวัดในพื้นที่ EEC พบว่า

จังหวัดชลบุรี

ดร.วิชัย ได้กล่าวสรุปการประเมินสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยของจังหวัดชลบุรีว่า “ภาพรวมของตลาดที่อยู่อาศัยจังหวัดชลบุรี เป็นตลาดที่ถูกขับเคลื่อนโดยอาคารชุดเป็นสำคัญ เนื่องจากมีการเปิดขายใหม่เป็นจำนวนมากต่อเนื่องกันถึง 4 ไตรมาส

เฉลี่ยแล้วเปิดตัวไตรมาสละประมาณ 3,000 หน่วย ระหว่าง ปี 2566 ถึง ไตรมาส 1 ปี 2567 และมียอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกันในช่วง 4  ไตรมาส ซึ่งได้ช่วยให้เกิดยอดขายเพิ่มขึ้น โดยพบว่ายอดขายใหม่เฉลี่ยไตรมาสละ 2,100 หน่วย

ขณะที่บ้านจัดสรรมีการเปิดตัวใหม่น้อยกว่ามาก โดยเฉลี่ยไตรมาสละประมาณ 1,200 หน่วย และมียอดขายใหม่เฉลี่ยไตรมาสละ 1,800 หน่วย ซึ่งมียอดขายใหม่มากกว่าหน่วยเปิดตัวใหม่มาก สถานการณ์เช่นนี้ได้ชี้ให้เห็นว่า แม้อุปสงค์ของอาคารชุดมีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่หลังช่วงการระบาดของ COVID-19 แต่การเพิ่มขึ้นของอุปทานอาคารชุดกลับมีมากเกินกว่าอุปสงค์ในตลาดไปมาก

ส่งผลให้หน่วยอาคารชุดเหลือขายเพิ่มสูงขึ้นถึง 26% ในขณะที่หน่วยบ้านจัดสรรที่ภาพรวมมียอดขายที่ลดลง โดยเป็นการลดลงจากทาวน์เฮ้าส์และบ้านแฝด โดยมีเพียงบ้านเดี่ยวที่มียอดขายที่เพิ่มขึ้น แต่ผู้ประกอบการก็ได้มีการเพิ่มหน่วยเปิดตัวใหม่ในทุกประเภทบ้านจัดสรรให้น้อยลงกว่ายอดขาย จึงส่งผลให้บ้านจัดสรรมีหน่วยเหลือขายลดลงประมาณ -6%

ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า ตลาดที่อยู่อาศัยในชลบุรีในภาพรวมยังเป็นตลาดที่โอกาสที่จะขยายตัวได้ แต่ต้องระวังอุปทานส่วนเกินของอาคารชุดที่เป็นอยู่ขณะนี้ และทาวน์เฮ้าส์ที่ทิศทางของยอดขายปรับตัวลดลงต่อเนื่องมา 5 ไตรมาสติดต่อกัน แต่ดูเหมือนว่าบ้านเดี่ยวยังคงมีทิศทางการขยายตัวที่ดี ขณะที่บ้านแฝดควรจะทรงตัวและพอไปได้”

จังหวัดระยอง

ดร.วิชัย ได้กล่าวสรุปการประเมินสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยของจังหวัดระยองว่า “ตลาดที่อยู่อาศัยจังหวัดระยอง มีพื้นฐานเป็นตลาดบ้านจัดสรร โดยจะเห็นได้ว่าการเปิดตัวใหม่โดยส่วนใหญ่จะเป็นบ้านจัดสรร และบ้านจัดสรรมีการเปิดตัวใหม่อย่างต่อเนื่องทุกไตรมาส

โดยค่าเฉลี่ยรายไตรมาสระหว่างปี 2566 และ ไตรมาส 1 ปี 2567 มียอดขายได้ใหม่เฉลี่ยไตรมาสละประมาณ 1,500 หน่วย โดยเป็นการขายบ้านเดี่ยว 600 หน่วย รองลงมาเป็นทาวน์เฮ้าส์ 550 หน่วย และบ้านแฝด 350 หน่วย แต่ด้วยภาวะยอดขายบ้านจัดสรรที่มีทิศทางทางปรับตัวลงได้ โดยเฉพาะทาวน์เฮ้าส์ ทำให้ผู้ประกอบการลดการเปิดตัวบ้านจัดสรรใหม่ลง

ในช่วงที่ผ่านมา โดยพบว่ามีการเปิดขายใหม่เฉลี่ยไตรมาสละ 1,000 หน่วย และเปิดใหม่ในประเภทบ้านเดี่ยวมากสุด โดยมีจำนวนใกล้เคียงกับที่ขายได้ในแต่ละไตรมาส แต่สำหรับบ้านแฝดและทาวน์เฮ้าส์มีการเปิดตัวใหม่น้อยลงมาก จึงทำให้มีหน่วยเหลือขายใน

ภาพรวมที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ไตรมาส โดยไตรมาสล่าสุดลดลงไปถึง 21% ขณะที่อาคารชุดมีการเปิดใหม่เป็นรอบ ๆ ไม่ต่อเนื่อง โดยในช่วง 5 ไตรมาสที่ผ่านมามีการเปิดหน่วยขายใหม่เพียง 1,211 หน่วย แต่มียอดขายรวมประมาณ 1,039 หน่วย และมีทิศทางที่ลดลง แต่เมื่อรวมกับหน่วยเหลือขายที่ค้างมาจากปีก่อน ๆ ก็ยังทำให้มียอดหน่วยเหลือขายถึง 920 หน่วย ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการขายอีก 1 ปีกว่า ๆ จึงจะขายหมด

ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า ตลาดที่อยู่อาศัยในระยองในภาพรวมยังเป็นตลาดที่ยอดขายบ้านจัดสรร ซึ่งมีทิศทางของยอดขายที่ปรับตัวลงใน 2567 แต่ไม่มีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะอุปทานส่วนเกินมากเกินไป เนื่องจากผู้ประกอบการปรับตัวโดยลดการเติมอุปทานใหม่เข้าตลาด

สำหรับตลาดอาคารชุด เป็นตลาดที่ยังคงมีการตอบรับของอุปสงค์ได้ในระดับหนึ่ง แต่ปัจจุบันมีอุปทานที่มียังเกินความสามารถในการดูดซับของอุปสงค์จึง ควรเว้นช่วงในการเติมอุปทานอาคารชุดออกไปอีกระยะหนึ่งเพื่อให้ตลาดค่อย ๆ ดูดซับอุปทานไปก่อน”

จังหวัดฉะเชิงเทรา

ดร.วิชัย ได้กล่าวสรุปการประเมินสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยของจังหวัดฉะเชิงเทราว่า “ตลาดที่อยู่อาศัยฉะเชิงเทราเป็นตลาดที่มีขนาดเล็ก ส่วนใหญ่เป็นการขายบ้านจัดสรรเป็นส่วนใหญ่ โดยบ้านเดี่ยวเป็นประเภทที่มีการขายมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม ยอดขายบ้านจัดสรรทุกประเภทปรับตัวลดลงในไตรมาสล่าสุดที่ค่อนข้างแรง แต่การเปิดตัวโครงการใหม่ที่น้อยก็ได้ช่วยให้อุปทานส่วนเกินปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง สำหรับอาคารชุดภาพรวมมีชะลอตัวการขาย แต่ในไตรมาสที่มีการเปิดตัวอาคารชุดใหม่ ก็ยังได้รับความสนใจซื้อในระดับหนึ่ง แต่โดยรวมก็มียอดขายที่ไม่ได้มาก ทำให้หน่วยอาคารชุดเหลือขายอยู่ในปัจจุบันจะทยอยถูกดูดซับไปอย่าช้า ๆ”

Exit mobile version