fbpx
News update

ปี 2567 ต่างชาติเข้าลงทุนในไทย 2.28 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ถึง 1 แสนล้านบาท (79%)

Onlinenewstime.com : นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 เปิดเผยว่า ปี 2567 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จำนวน 954 ราย

โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 227 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 727 ราย เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 228,106 ล้านบาท โดยปี 2567 ชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

อันดับ 1 ญี่ปุ่น 254 ราย 27% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 121,190 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ  

  •  ธุรกิจบริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การให้บริการทดสอบทางเทคนิคเกี่ยวกับการทำงานของเครื่องยนต์และการใช้พลังงานของยานยนต์ไฟฟ้าของลูกค้า เป็นต้น
  • ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ โดยเป็นการจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วน และส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น เพื่อค้าส่งในประเทศ
  • ธุรกิจขายอาหารและเครื่องดื่ม
  • ธุรกิจบริการพัฒนาดิจิทัลคอนเทนต์ / พัฒนาซอฟต์แวร์
  • ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า อาทิ แม่พิมพ์ ชิ้นส่วนโลหะ ชิ้นส่วนยานพาหนะ ชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ

อันดับ 2 สิงคโปร์ 137 ราย 14% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 22,485 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ 

  • บริการทางวิศวกรรมและเทคนิคด้านต่างๆ เช่น การออกแบบทางวิศวกรรม และการวางระบบโครงสร้างการผลิต เป็นต้น
  • ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ โดยเป็นการจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมการแพทย์ เป็นต้น เพื่อค้าส่งในประเทศ
  • ธุรกิจบริการขุดเจาะปิโตรเลียม
  • ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์
  • ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (อาทิ ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ชิ้นส่วนยานพาหนะ ผลิตภัณฑ์โลหะ บรรจุภัณฑ์พลาสติก)

อันดับ 3 จีน 123 ราย 13% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 19,547 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ

  • ธุรกิจบริการติดตั้ง ทดสอบ ซ่อมแซม บำรุงรักษาระบบสายพานที่ใช้สำหรับโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตและประกอบรถยนต์ไฟฟ้า
  • ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ โดยเป็นการจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วน สำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น เพื่อค้าส่งในประเทศ
  • ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์
  • ธุรกิจบริการทำเทคนิคด้านภาพสำหรับภาพยนตร์
  • ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (แม่พิมพ์ แบตเตอรี่ความจุสูง เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนยานพาหนะ)

อันดับ 4 สหรัฐอเมริกา 121 ราย 13% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 24,675 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ

  • ธุรกิจบริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การติดตั้ง บำรุงรักษา แก้ไข และปรับแต่งเว็บไซต์ เป็นต้น
  • ธุรกิจค้าปลีกสินค้า (อาทิ อาหารและเครื่องดื่มสำเร็จรูป เครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องกล ชิ้นส่วน อุปกรณ์ และอะไหล่ที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม ยา อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์)
  • ธุรกิจโฆษณา
  • ธุรกิจขายอาหารและเครื่องดื่ม
  • ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า อาทิ พวงมาลัยรถยนต์ ลูกอม ขนมขบเคี้ยว หมากฝรั่ง อาหารสำเร็จรูป Electro Magnetic Product แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน

อันดับ 5 ฮ่องกง 69 ราย 7% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 15,281 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ

  • ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ โดยเป็นการจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ สิ่งทอ ยานยนต์ และเครื่องกีฬา เป็นต้น เพื่อค้าส่งในประเทศ
  • ธุรกิจบริการออกแบบทางวิศวกรรม ก่อสร้าง ติดตั้ง ทดสอบการใช้งานระบบ การซ่อมแซม บำรุงรักษาแผงโซล่าเซลล์
  • ธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย
  • ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์
  • ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า อาทิ แม่พิมพ์ อะไหล่และส่วนประกอบรถยนต์ ชิ้นส่วนสำหรับผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ชุดแบตเตอรี่ความจุสูง

การเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติในไทยช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมข้างต้น
มีส่วนช่วยในการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น

องค์ความรู้เกี่ยวกับการขุดเจาะปิโตรเลียม องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีนวัตกรรมเครื่องมือแพทย์ องค์ความรู้เกี่ยวกับการทดสอบคุณภาพของวัตถุดิบสำหรับผลิตชิ้นส่วนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการออกแบบระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในโครงการรถไฟฟ้า เป็นต้น

เมื่อเทียบกับปี 2566 พบว่า ปี 2567 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในไทยเพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 287 ราย (43%) (ปี 2567 อนุญาต 954 ราย / ปี 2566 อนุญาต 667 ราย) และมีมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น 100,574 ล้านบาท (79%) (ปี 2567 ลงทุน 228,106 ล้านบาท/ ปี 2566 ลงทุน 127,532 ล้านบาท)

ขณะที่มีการจ้างงานคนไทยจากนักลงทุนที่ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวลดลง 1,805 ราย (26%) (ปี 2567 จ้างงาน 5,040 คน / ปี 2566 จ้างงาน 6,845 คน) โดยจำนวนนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนสูงสุดและนำเงินเข้ามาลงทุนสูงสุดทั้งปี 2567 และ 2566 คือ นักลงทุนชาวญี่ปุ่น (ปี 2567 นักลงทุน 254 ราย เงินลงทุน 121,190 ล้านบาท / ปี 2566 นักลงทุน137 ราย เงินลงทุน 32,148 ล้านบาท)  

อธิบดีอรมน กล่าวต่อว่า สำหรับการลงทุนในพื้นที่ EEC ปี 2567 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจเข้าลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 301 ราย คิดเป็น 32% ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติที่ได้รับอนุญาตในปี 2567 เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 167 ราย (124%)  (ปี 2567 ลงทุน 301 ราย / ปี 2566 ลงทุน 134 ราย) และมีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 56,490 ล้านบาท คิดเป็น 25% ของเงินลงทุนทั้งหมด

เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 17,877 ล้านบาท (46%) (ปี 2567 เงินลงทุน 56,490 ล้านบาท / ปี 2566 เงินลงทุน 38,613 ล้านบาท) โดยเป็นนักลงทุนจาก *ญี่ปุ่น 103 ราย ลงทุน 20,593 ล้านบาท *จีน 72 ราย ลงทุน 12,107 ล้านบาท *ฮ่องกง 20 ราย ลงทุน 5,698 ล้านบาท และประเทศอื่นๆ 106 ราย ลงทุน 18,092 ล้านบาท โดยธุรกิจที่ลงทุนในพื้นที่ EEC อาทิ

  • ธุรกิจบริการทางวิศวกรรม โดยเป็นการออกแบบทางวิศวกรรมสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์
  • ธุรกิจจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบส่วนประกอบและชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อค้าส่งในประเทศ
  • ธุรกิจบริการระบบซอฟต์แวร์ฐาน (Software Platform)
  • ธุรกิจบริการชุบแข็ง (Heat Treatment)
  • ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ชิ้นส่วนยานพาหนะ ชิ้นส่วนโลหะ ชิ้นส่วนพลาสติก เป็นต้น

เฉพาะเดือนธันวาคม 2567 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 70 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 25 ราย และ การขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 45 ราย เงินลงทุนทั้งสิ้น 14,142 ล้านบาท

ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจากสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และฮ่องกง ตามลำดับ มีการจ้างงานคนไทย 1,369 คน รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับระบบการบริหารจัดการ สำหรับขนส่งสินค้าทางอากาศ

องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีอัดฉีดซีเมนต์นอกชายฝั่ง องค์ความรู้เกี่ยวกับระบบเทเลมาตกส์ (Telematics)  และองค์ความรู้เกี่ยวกับการทำ Digital Advertising เป็นต้น

ธุรกิจที่คนต่างชาติได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเดือนธันวาคม 2567 ได้แก่ 

  • ธุรกิจบริการบำรุงรักษาหลุมขุดเจาะปิโตรเลียม
  • ธุรกิจบริการเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business Center: IBC)
  • ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์
  • ธุรกิจบริการรับจัดการขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศ (Air Freight Forwarder) ในการจองพื้นที่ระวางเครื่องบินสำหรับสินค้าอุตสาหกรรมต่างๆ และการจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศ
  • ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น แม่พิมพ์ ชิ้นส่วนโลหะ ชิ้นส่วนยานพาหนะ เป็นต้น