Onlinenewstime.com : กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.85-34.65 บาท/ดอลลาร์
เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 34.07 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายผันผวนในช่วง 33.59-34.46 บาท/ดอลลาร์ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือน เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะที่ตลาดคาดการณ์ผลกระทบต่างๆที่อาจเกิดจากนโยบายของอดีตปธน.ทรัมป์ซึ่งคว้าชัยชนะกลับมาเป็นผู้นำสหรัฐฯอีกหน โดยปฏิกิริยาของตลาดสะท้อนการประเมินว่านโยบายต่างๆจะส่งผลให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯสูงขึ้นและธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)อาจไม่จำเป็นต้องลดดอกเบี้ยลงมาก
นอกจากนี้ นักลงทุนกังวลอีกด้วยว่ามาตรการด้านศุลกากรจะฉุดรั้งการค้าโลก ทางด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯเหวี่ยงตัวผันผวน โดยนักลงทุนรอดูแผนใช้จ่ายของทรัมป์ซึ่งอาจทำให้ยอดขาดดุลงบประมาณสหรัฐฯเพิ่มขึ้นอีก 7.5 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 10 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 3,641 ล้านบาท และ 24,489 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ ผู้ร่วมตลาดจะยังคงชั่งน้ำหนักผลกระทบจากนโยบายด้านการค้าและการคลังของสหรัฐฯต่อไปเมื่อทรัมป์ขึ้นดำรงตำแหน่งปธน.ช่วงต้นปีหน้า นอกจากนี้ ตลาดจะติดตามข้อมูลเงินเฟ้อและยอดค้าปลีกเดือนตุลาคมของสหรัฐฯ อัตราผลตอบแทนพันธบัตร และราคาทองคำ รวมถึงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดเพื่อประเมินว่าจะมีการปรับเปลี่ยนแผนนโยบายการเงินภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ในอีกหลายปีข้างหน้าหรือไม่
ทั้งนี้ เฟดลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25bp สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมรอบล่าสุด โดยประธานเฟดระบุว่าผลการเลือกตั้งจะไม่กระทบการตัดสินใจด้านนโยบายของเฟดในอนาคตอันใกล้ ขณะที่เฟดจะประเมินข้อมูลเพื่อกำหนดดอกเบี้ยและมองว่าเงินเฟ้อกำลังลดลงสอดคล้องกับที่เฟดคาดการณ์
ส่วนภาคแรงงานในภาพรวมชะลอความร้อนแรงลงแต่ถือว่ายังแข็งแกร่งอยู่ อนึ่ง เราคาดว่าเงินดอลลาร์จะยังคงได้แรงหนุนในระยะสั้นขณะที่ตลาดรอดูความชัดเจนเกี่ยวกับระดับความรุนแรงของสงครามการค้ารวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน
สำหรับปัจจัยในประเทศ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนตุลาคมของไทยเพิ่มขึ้น 0.77% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมอาหารสดและพลังงานเพิ่มขึ้น 0.83% ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์คาดว่าเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 1.12% ในไตรมาสปัจจุบัน