fbpx
News update

กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 34.20-34.80 ติดตามข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯและค่าเงินหยวน

โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ท่ามกลางแรงกดดันจากเงินหยวนที่อ่อนลง เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ยกเว้นเงินเยนในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ขณะที่เงินยูโรร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี ท่ามกลางเครื่องบ่งชี้ทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในเขตยูโรโซนและความเสี่ยงจากสงครามการค้ารอบใหม่ ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI)เดือนธันวาคมของจีนลดลงมากกว่าคาด

ทางด้านตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ในสหรัฐฯลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2567 สะท้อนว่าตลาดแรงงานของสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่ง และธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)มีแนวโน้มที่จะตรึงดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนนี้ ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและพันธบัตรไทย 1,140 ล้านบาท และ 7,860 ล้านบาท ตามลำดับ

สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะติดตามดัชนี ISM ภาคบริการและข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธันวาคมของสหรัฐฯ รวมถึงการเปิดเผยรายงานประชุมเฟดเมื่อวันที่ 17-18 ธันวาคม ซึ่งเฟดเปลี่ยนท่าทีด้านนโยบายไปในทางแข็งกร้าวมากขึ้นท่ามกลางการคาดการณ์ของผู้ร่วมตลาดที่ว่านโยบายต่างๆในช่วงเริ่มต้นสมัยที่สองของปธน.ทรัมป์จะสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ในทางตรงกันข้าม ธนาคารกลางหลักแห่งอื่นๆ อาทิ ธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี)และธนาคารกลางอังกฤษ(บีโออี)มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อเนื่องในปีนี้เนื่องจากเศรษฐกิจอ่อนแอกว่าทางฝั่งสหรัฐฯ นอกจากนี้ ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนจะจับตาวิกฤติราคาพลังงานในยุโรปรวมถึงค่าเงินหยวนของจีนเช่นกัน

สำหรับปัจจัยในประเทศ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนธันวาคมจะปรับเพิ่มสูงขึ้นจากฐานเปรียบเทียบที่ต่ำของปีก่อนหน้า ทางด้านนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยปี 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 35.54 ล้านคน เพิ่มขึ้น 26.3% ขณะที่ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2567 ไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 9.4 พันล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ วิจัยกรุงศรีคาดว่าในปี 2568 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับเข้าสู่ระดับก่อนการระบาดของ Covid-19 ที่ 40 ล้านคน และไทยอาจเกินดุลบัญชีเดินสะพัดกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดี ความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจและการค้าโลกยังเป็นความเสี่ยงสำคัญ