fbpx
News update

กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 34.00-34.75 ลุ้นตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ

เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดอลลาร์ได้แรงหนุนในช่วงแรกหลังทรัมป์ประกาศว่าสหรัฐฯจะเก็บภาษีนำเข้า 25% จากสินค้าทั้งหมดที่มาจากเม็กซิโกและแคนาดาในวันแรกที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี และจะเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมอีก 10% จากสินค้าจีน

พร้อมระบุว่ามาตรการนี้เป็นการตอบโต้การค้ายาและการอพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ส่วนดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) ของสหรัฐฯปรับขึ้น 2.8% ในเดือนตุลาคม โดยเร่งตัวจาก 2.7% ในเดือนกันยายนจากราคาในหมวดบริการเป็นสำคัญ

อย่างไรก็ดี ดอลลาร์ย่อลงท่ามกลางปริมาณธุรกรรมเบาบาง ขณะที่เงินเยนแตะระดับแข็งค่าสุดรอบ 6 สัปดาห์จากมุมมองที่ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)อาจขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 4,282 ล้านบาท แต่มียอดซื้อพันธบัตรสุทธิ 5,166 ล้านบาท ส่วนในเดือนพฤศจิกายนเงินบาทอ่อนค่า 1.4%

สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะให้ความสนใจกับข้อมูลภาคบริการและการจ้างงานเดือนพฤศจิกายนของสหรัฐฯเพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ในระยะถัดไป ขณะที่ผู้ร่วมตลาดมองว่าคำขู่เกี่ยวกับการขึ้นอัตราศุลกากรของทรัมป์เป็นเครื่องมือในการเจรจาต่อรองสำหรับประเด็นทางสังคมหรือด้านอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ราคาสินทรัพย์ทางการเงินมีแนวโน้มผันผวนสูงเนื่องจากเราเชื่อว่าการประกาศเพิ่มภาษีสินค้าจีนของทรัมป์จะไม่หยุดอยู่แค่นี้ขณะที่สหรัฐฯยังคงขาดดุลการค้าอย่างมากกับจีน อนึ่ง ภาพระยะสั้น ค่าเงินบาทมีแนวโน้มเหวี่ยงตัวตามการเคลื่อนไหวระหว่างวันของราคาทองคำในตลาดโลกและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯต่อไป

สำหรับปัจจัยในประเทศ กระทรวงพาณิชย์รายงานยอดส่งออกเดือนตุลาคมมูลค่า 2.72 หมื่นล้านดอลลาร์สูงสุดรอบ 19 เดือน และขยายตัว 14.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราเติบโตสูงสุดรอบ 3 เดือน โดยได้แรงหนุนจากสินค้ากลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ทางการคาดว่าส่งออกทั้งปี 67 จะเพิ่มขึ้น 4%

ทางด้านธปท.เปิดเผยยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนตุลาคมที่ 0.7 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่เศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นตามรายรับภาคท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชน โดยต้องติดตามความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายการค้าของสหรัฐฯ