Onlinenewstime.com : “Krungsri Finnovate” เดินหน้าพันธกิจในการสนับสนุนธุรกิจด้านฟินเทคและเทคโนโลยี ผ่าน 3 กิจกรรมหลัก “การลงทุนเพื่อสร้างธุรกิจใหม่ๆ และโครงการบ่มเพาะธุรกิจ ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ และการร่วมลงทุน เปิดเผยถึง “4 ดีล แห่งความภาคภูมิใจ” ที่ลงทุนผ่านกองทุน “Finnoventure Private Equity Trust I” ในช่วงท้ายปี 2023 และต้นปี 2024
4 ดีล ใน 4 ประเทศนั้น ถือว่าเป็นการลงทุนที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เนื่องจากทั้ง 4 ดีลนี้เป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตที่ดี โดยกองทุนนี้ลงทุนไปแล้วกว่า 15 กิจการ ล่าสุดกองทุนมีการเติบโตกว่า 10% และมีหลายกิจการที่เตรียมตัวเข้า IPO โดยอาจเป็นตัวจุดสตารท์ทำให้วงการ Startup กลับมาคึกคักอีกครั้ง
“นายแซม ตันสกุล” กรรมการผู้จัดการ กรุงศรี ฟินโนเวต เปิดเผยในงาน “KRUNGSRI FAMILY MEETUP” ว่า “4 ดีลล่าสุดที่เพิ่งปิดไปเป็น 4 ดีล ใน 4 ประเทศ ซึ่งทั้ง 4 ธุรกิจเกิดจากการที่ “Krungsri Finnovate” เริ่มขยายการลงทุนไปในต่างประเทศ ซึ่งถือว่าเป็น 4 ดีล ที่น่าสนใจมาก ๆ”
ธุรกิจที่ 1 “MFast” ประเทศเวียดนาม เป็น FinTech ที่เราเรียกว่า “Agent Based Banking Model” โดย MFast มีฟรีแลนซ์มากกว่า 180,000 คน ที่ช่วยขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้กับทุกธนาคารและสถาบันการเงินในประเทศเวียดนาม สมัยก่อนอาจจะเคยได้ยินคำว่า “Direct Sales” ขายบัตรเครดิต ขายสินเชื่อบุคคล เช่นเดียวกับ MFast ที่เป็น Startup ที่ทำ Direct Sales แบบออนไลน์ ซึ่ง “MFast” ก็จะช่วยขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้สถาบันการเงินของกรุงศรีที่อยู่ที่เวียดนามได้เช่นเดียวกัน
ธุรกิจ ที่ 2 “Klook” Startupจากฮ่องกง ที่ทำเรื่องของ Travel Experience หรือ Travel Destination ทำงานร่วมกับสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศต่างๆรวมถึงไทยเองด้วย และก็จะช่วยนำลูกค้าจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศนั้นๆให้เยอะที่สุด ซึ่ง Klook นั้นก็กำลังเตรียมตัวเข้า IPO ในเร็วๆนี้
ธุรกิจที่ 3 “SLEEK” รถมอเตอร์ไซด์ EV สัญชาติไทย เป็นความภาคภูมิใจของเราเช่นกัน เพราะว่าเป็นตัวแรกที่ได้ลง Startup ในสายที่เกี่ยวกับ Mobility หรือรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า EV ที่สามารถเข้าเรื่องของ ESG Sustainability ด้วย เพราะว่าการใช้รถไฟฟ้าไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ซึ่ง “Krungsri Finnovate” ก็รณรงค์ในเรื่องของการประหยัดพลังงานเพื่อช่วยโลกด้วยเช่นกัน โดย “SLEEK” มี Co-Founder เป็นคนไทยและคนสิงคโปร์ แต่โรงงานผลิตมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ในประเทศไทย ซึ่งวันนี้ขายรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าได้หลายพันคัน และมีอีกหลายดีลที่กำลังต่อยอดขายอยู่
ธุรกิจที่ 4 “AwanTunai- Fintech”เป็น Startup สัญชาติอินโดนีเซีย ที่ทำในเรื่องของเทคโนโลยีทางการเงินในรูปแบบ “Supply Chain Financing” เป็นการปล่อยกู้ให้กับระบบ Supply Chain ที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน “AwanTunai” ทำระบบ Mini ERP สั่งซื้อสินค้า ระบบเก็บสต็อกสินค้า และระบบชำระเงิน ให้ร้านค้าสามารถใช้ได้ฟรี
จากนั้นเมื่อผ่านไป 6 เดือน จะเก็บคะแนนของร้านค้า เช่น ร้านค้านี้จ่ายตรงเวลาหรือไม่ สั่งของเยอะหรือไม่ จะมี Credit score ขึ้นมา หลังจากนั้นก็จะทำการปล่อยกู้ โดยหาเงินกู้มาจากธนาคาร แล้วนำไปปล่อยกู้ให้กับผู้ชำระเงิน โดยจะไม่ได้ให้เงินกู้โดยตรง วันนี้ AwanTunai กำลังเติบโตอย่างมากในอินโดนีเซีย ซึ่งเราร่วมลงทุนกับ Venture Capital ของ “MUFG” ที่ชื่อว่า “MUIP””
“นายแซม ตันสกุล” เผยต่อว่า 4 ธุรกิจที่เราลงทุนเมื่อปลายปี 2023 และต้นปี 2024 ที่ผ่านมา อัตราการเติบโตดีมาก ๆ ปกติ Startup จะเติบโตมากกว่า 50% ในแต่ละปีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราก็มั่นใจว่าทั้ง 4 ตัว สามารถเติบโตได้ดีมาก ๆ สำหรับการลงทุนที่ผ่านมา โดย “Finnoventure Private Equity Trust I” ลงทุนไปแล้วกว่า 15 กิจการ และ ณ สิ้นปี 2023 มีการเติบโตกว่า 10%
ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากองทุนนี้จะเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ โดยมีความคาดหวังอยู่ที่ 15% ในตลอดระยะเวลาของกองทุน โดยคิดว่าเป็นไปได้แน่นอน และเราจะมีข่าวดีเร็ว ๆ นี้ว่า Startup 15 ตัว ที่เราลงทุนไป กำลังทยอยเตรียมตัวจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในช่วงปี 2025 เพราะฉะนั้นหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะเป็นการจุดสตารท์ทำให้วงการ Startup ของไทย กลับมาคึกคักอีกครั้ง และทำให้เกิด Startup หน้าใหม่ในประเทศไทยต่อไป
ส่วนแผนการลงทุนในปีนี้ เล็งที่จะลงทุนใน Startup 6 กิจการ โดยมีมูลค่าการลงทุนที่เตรียมไว้ 600-1,000 ล้านบาท แน่นอนว่าจะไม่ได้ลงเฉพาะ Startup ในประเทศไทยอย่างเดียว แต่จะขยายไปในประเทศที่มี “ธนาคารกรุงศรีอยุธยา” อยู่ รวมถึงประเทศใหม่ๆที่น่าสนใจอย่าง “ฟิลิปปินส์” ที่เป็นแหล่ง Startup ที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะด้าน FinTech เชื่อว่าจะได้เห็นเร็ว ๆ นี้และจะเป็นอีกก้าวของวงการ Startup ที่ “คึกคัก” จนต้อง “จับตามอง”