onlinenewstime.com : มูจิ ค้าปลีกญี่ปุ่น วางเป้าหมายใหม่ ในกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อบ้าน ที่เป็นแฟนของความเรียบง่าย สไตล์มูจิ
สินค้าแบรนด์มูจิ เป็นที่รู้จักกันดี ในเรื่องของความเรียบง่าย สไตล์มินิมัล โดยครอบคลุมสินค้า เครื่องใช้ในบ้าน ไปจนถึงเสื้อผ้า และไม่นานมานี้ ได้ก้าวเข้าไปในธุรกิจก่อสร้างที่อยู่อาศัย เพื่อรองรับกับพฤติกรรมการลดค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคชาวญี่ปุ่น
โดยล่าสุด เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ได้เปิดตัว “You no Ie” หรือ Sun House บ้านสำเร็จรูปดีไซน์ใหม่ ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวบ้านรุ่นใหม่ เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี โดยบ้านตัวอย่างหลังนี้ มีดีไซน์เดียว แต่ตอบสนองความต้องการ ที่เป็นที่นิยมของลูกค้า ด้วยการออกแบบมาให้เหมาะสม และปรับเปลี่ยนเลย์เอาท์ เพื่อรองรับผลิตภัณฑ์ของมูจิได้
ด้วยราคาที่ 150,000USD (ประมาณ 4.65 ล้านบาท) สำหรับพื้นที่ 80 ตารางเมตร นั้นไม่ถือเป็นบ้านที่ราคาถูกนัก อย่างไรก็ตามมูจิ เคยขายบ้านลักษณะนี้ เมื่อแรกเข้าสู่ตลาดในปี 2004 จนถึงปัจจุบัน มียอดขายไปแล้วประมาณ 300 หลัง ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ซื้อเป็นแฟนพันธุ์แท้ หรือเป็นสาวกที่เหนียวแน่นของแบรนด์
มูจิ เป็นค้าปลีกของโตเกียว ที่มีชื่อเป็นทางการคือ Ryohin Keikaku นอกจากธุรกิจบ้านสำเร็จรูปแล้ว ยังได้เริ่มธุรกิจการปรับปรุง ซ่อมแซมอพาร์ทเมนท์คอมเพล็กซ์ มาตั้งแต่ปี 2012 อีกด้วย โดยร่วมมือกับ Urban Renaissance Agency ถึงแม้ว่าธุรกิจที่อยู่อาศัย จะคิดเป็นเพียง 1% ของรายได้รวมของปีที่ผ่านมา โดยมีมูลค่า 45 ล้านดอลลาร์ แต่ Ryohin Keikaku คาดหวังจะเห็นความสำเร็จในการทำงานร่วม ไปพร้อมกับธุรกิจค้าปลีก
แนวโน้มคนญี่ปุ่นลดรายจ่ายในการซื้อเสื้อผ้า แต่หันไปใช้เงินกับที่อยู่อาศัยแทน
ครัวเรือนญี่ปุ่น เริ่มใช้จ่ายเงิน เพื่อการซื้อเสื้อผ้าน้อยลงทุกๆ ปี โดยปี 2018 ลดลง 20% จากทศวรรษที่แล้ว ที่ประมาณ 1,050 USD ตามตัวเลขที่เปิดเผยโดยรัฐบาล ในขณะเดียวกัน การใช้จ่าย ในการปรับปรุงบ้าน เพิ่มขึ้นประมาณ 20% คิดเป็น 855USD
มูจิไม่ใช่ผู้ค้าปลีกญี่ปุ่นเพียงรายเดียว ที่ขยับเข้ามาในธุรกิจที่อยู่อาศัย ตามแนวโน้มความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของชาวญี่ปุ่น มีการร่วมมือกันระหว่างบริษัทที่มีศักยภาพ แม้แต่แบรนด์เสื้อผ้าขายปลีก United Arrows ก็ยังเริ่มธุรกิจปรับปรุงคอนโดเก่าในปี 2017 โดยใช้ความรู้ จากพื้นฐานการตกแต่งร้านค้า
ตัวแทน บริษัทฯกล่าวเสริมว่า “เราต้องการหาแฟน และลูกค้าใหม่ๆ ผ่านธุรกิจการปรับโฉมที่อยู่อาศัย” โดยค่าบริการปรับปรุงของ United Arrow อยู่ที่ประมาณ 368,000 – 1.38 ล้านเหรียญสหรัฐ และสามารถจับคู่กับเฟอร์นิเจอร์ ที่วางขายที่ร้าน United Arrows ด้วย
แบรนด์เสื้อผ้าของประเทศญี่ปุ่น ที่ชื่อว่า Clothier Adastria เป็นอีกรายที่ผันตัวเอง เข้าไปในธุรกิจออกแบบตกแต่งภายใน โรงแรม และอาคารสำนักงาน เมื่อปีที่ผ่านมา “เป็นโอกาสสำหรับเรา ที่จะแสดงออกถึงแบรนด์นอกเหนือจากในร้านเสื้อผ้า” ผู้บริหารของบริษัทกล่าว
อย่างไรก็ตาม ตลาดที่อยู่อาศัยของญี่ปุ่น ยังอยู่ภายใต้แรงกดดัน เนื่องจากจำนวนประชากรที่ลดลงอย่างมาก โดยข้อมูลจาก Infrastructure Ministry (กระทรวงโครงสร้างพื้นฐาน) ของญี่ปุ่นระบุว่า จำนวนบ้านใหม่ที่มีการก่อสร้าง ลดลง 7.1% ในเดือนสิงหาคม เปรียบเทียบกับปีก่อนหน้านั้น
Source : https://asia.nikkei.com โดย KYOMI KATSUNO