- OPPO สร้างผลงานที่โดดเด่นในการแข่งขันด้วยการคว้ารางวัลชนะเลิศ 1 รางวัล รองชนะเลิศลำดับที่หนึ่ง 7 รางวัล และรองชนะเลิศอันดับที่สองถึง 3 รางวัล
- จาก Computational Intelligence สู่ระดับ Human-Centric Intelligence OPPO ยังคงมุ่งค้นหาเทคโนโลยี AI ขั้นสูงที่สามารถเข้าใจและช่วยเหลือผู้คนได้ดียิ่งขึ้น
Onlinenewstime.com : เมื่อเร็วๆ นี้ ที่เซินเจิ้น ประเทศจีน – OPPO แบรนด์สมาร์ทโฟนชั้นนำระดับโลก เข้าร่วมงาน Computer Vision and Pattern Recognition Conference (CVPR) ประจำปี พ.ศ. 2564 เมื่อไม่นานมานี้ โดยในระหว่างงาน ความสำเร็จของ OPPO ในด้าน AI ได้รับการยอมรับจากการติดอันดับในการแข่งขันถึง 7 รายการสำคัญ จากทั้งหมด 12 รายการ ในการแข่งขันที่แตกต่างกัน
ซึ่งรวมถึงการได้รางวัลชนะเลิศ 1 รางวัล รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่หนึ่ง 7 รางวัล และรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่สองถึง 4 รางวัล แสดงให้เห็นถึงจุดแข็งทางเทคโนโลยี ที่นับว่าเป็นระดับชั้นนำของอุตสาหกรรมนี้ และความก้าวหน้าทางนวัตกรรมด้าน AI ของบริษัท
ทีมที่ได้เข้าร่วมงาน CVPR 2021 ในนามของ OPPO ประกอบไปด้วยตัวแทนจากแผนก Intelligent Perception and Interaction และ OPPO US Research Center of OPPO Research Institute โดยการทำงานของทีม ได้ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของศักยภาพด้าน AI ของ OPPO และพัฒนาประสิทธิภาพของเทคโนโลยี AI เพื่อให้สามารถบริการผู้คนได้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพ และการฝึกอบรมในด้าน AI Algorithms
Eric Guo หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ด้าน Intelligent Perception ของ OPPO กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับผลลัพธ์ที่น่าทึ่งเช่นนี้อีกครั้งใน CVPR Challenges ของปีนี้ หลังจากที่เราเข้าร่วมเป็นครั้งแรกในงาน CVPR 2020 เมื่อปีที่แล้ว โดยที่เราได้รับรางวัลชนะเลิศในประเภท Perceptual Extreme Super-Resolution Challenge จากการที่เราสาธิตเทคโนโลยี อันสามารถทำให้ภาพเบลอคมชัดขึ้น และในประเภท Visual Localization for Handheld Devices Challenge ที่เราทำให้การวางตำแหน่ง Fusion แม่นยำยิ่งขึ้น
โดยรายการที่ OPPO ชนะได้ในปีนี้ ตัวอย่างเช่น Multi-Agent Behavior, AVA-Kinetics และ 3D Face Reconstruction from Multiple 2D Images สามารถครอบคลุมระบบการจับภาพของคอมพิวเตอร์ได้ ในระดับที่ซับซ้อนและก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น โดยรวมถึงการตรวจจับพฤติกรรม การแปลการกระทำของมนุษย์ในปริภูมิเวลา และการตรวจจับใบหน้าอีกด้วย”
“เทคโนโลยีเหล่านี้สามารถนำมาใช้ได้ในทุกสถานการณ์ เช่น การผลิต การใช้งานในบ้าน ในสำนักงาน การถ่ายภาพ สุขภาพ และความคล่องตัว” Eric Guo กล่าวเสริม “ที่ OPPO เรามุ่งมั่นที่จะทำให้ AI สามารถบริการผู้คนได้ดียิ่งขึ้น โดยมอบประสบการณ์ที่ชาญฉลาดและสะดวกยิ่งขึ้นแก่ผู้ใช้”
ในบรรดารางวัลเกียรติยศทั้ง 11 รางวัล OPPO ได้รับถึง 3 รางวัลในประเภท Multi-Agent Behavior Challenge ซึ่งเป็นการประเมินความสามารถของโมเดล AI ในการทำความเข้าใจ ตีความ และคาดการณ์ปฏิสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่าง Intelligent Agent เช่น สัตว์ และมนุษย์
ในที่สุด OPPO ได้รับรางวัลชนะเลิศในประเภท Learning New Behavior รวมถึงอันดับรองชนะเลิศอันดับที่หนึ่ง ในประเภท Classical Classification และรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่สองในประเภท Annotation Style Transfer ซึ่งสามารถแสดงถึงความแตกต่างจากผู้เข้าร่วมกว่า 240 คน ด้วยความสามารถระดับแนวหน้าด้าน AI
ยิ่งไปกว่านั้น เทคโนโลยีเดียวกันนี้ กำลังมีบทบาทสำคัญในโรงงานของ OPPO ซึ่งใช้ระบบ Algorithm ในการช่วยลดข้อผิดพลาดของพนักงานในการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขั้นตอนการผลิตที่สำคัญ เพื่อความปลอดภัยของพนักงาน และคุณภาพสูงสุดของผลิตภัณฑ์ที่ออกมาจากสายการผลิต
จาก Computational Intelligence สู่ระดับ Human-Centric Intelligence OPPO ยังคงมุ่งค้นหาเทคโนโลยี AI ขั้นสูงที่สามารถเข้าใจและช่วยเหลือผู้คนได้ดียิ่งขึ้น
ด้วยภารกิจที่ว่า “Technology for Mankind, Kindness for the World” OPPO กำลังมุ่งมั่นสร้างศักยภาพในด้าน Human-Centric AI โดยในการแข่งขันประเภท 3D Face Reconstruction from Multiple 2D Images Challenge ระบบ Algorithm AI ที่ OPPO พัฒนาขึ้นเอง ประสบความสำเร็จในการสร้างรูปร่างใบหน้า 3 มิติขึ้นใหม่ โดยมีข้อผิดพลาดเพียง 1 มม. โดยประมาณ
ทำให้สามารถคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับที่หนึ่ง ในการจัดอันดับคะแนนภายในดัชนีหลัก ซึ่งเทคโนโลยีของ OPPO สามารถทำงานได้แม้อยู่ภายใต้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับลักษณะใบหน้าที่ไม่ชัดเจน การแสดงอารมณ์ที่เกินจริง หรือแม้กระทั่งข้อมูลภาพที่เสียหาย ซึ่งเกิดจากการเคลื่อนไหวในชีวิตจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวิดีโอที่มีการเคลื่อนไหวมาก เพื่อนำภาพมาสร้างแบบจำลองใบหน้า 3 มิติที่แม่นยำยิ่งขึ้น
ระบบ Algorithm การตรวจจับใบหน้าที่พัฒนาขึ้นเองของ OPPO สามารถระบุคุณสมบัติหลักถึง 635 จุด ในอัตรา 30 ครั้งต่อวินาที ซึ่ง Algorithm Architecture เดียวกันนี้เอง ถูกใช้เพื่อส่งเสริมคุณสมบัติระบบใน AI Makeup Video Feature ที่มีอยู่ในสมาร์ทโฟนรุ่น OPPO Reno6 ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่
ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้าง Effect เกี่ยวกับความงามที่มีชีวิตชีวาและเป็นธรรมชาติในวิดีโอได้อย่างง่ายดาย โดยเทคโนโลยีนี้ จะส่งเสริมวิวัฒนาการของเทคโนโลยีแบบ Portrait Video ด้วยระบบ 3D Feature Recognition ที่ช่วยทำให้ Effect ที่ใช้ในการแต่งหน้าและ Filter ดูสมจริง และถูกปรับใช้ ให้เข้ากับแต่ละบุคคลได้มากยิ่งขึ้น
รวมถึงช่วยให้ AR Filter สมบูรณ์และดำเนินการได้ราบรื่นกว่าเดิมบน Social Platform ต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับเทคโนโลยีล้ำสมัยผ่านช่วงเวลาในชีวิตประจำวัน
AI ที่สามารถเข้าใจปริภูมิเวลา
ความสามารถด้าน AI ของ OPPO ถูกพัฒนาไปถึงขั้นที่จะสามารถรับรู้ถึงการกระทำของมนุษย์ในปริภูมิเวลาได้ ซึ่งในการแข่งขันประเภท SoccerNet Challenge OPPO ได้ชนะรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่หนึ่งทั้งในภารกิจประเภท Action Spotting และ Replay Grounding
โดยวัตถุประสงค์ของ Challenge นี้ คือการประเมินความสามารถของตัว Algorithm ในการระบุการกระทำหลากหลายประเภทที่ปรากฏในวิดีโอการเเข่งขันฟุตบอล อันประกอบไปด้วยการล้ำหน้า และการละเมิดใบแดง ซึ่งมักจะเป็นเรื่องยากสำหรับมนุษย์ที่จะรับรู้ เนื่องจากความซับซ้อนของกฎเกณฑ์ และการตีความที่ละเอียดอ่อน ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ AI Algorithm ยังต้องสามารถพิจารณาตัวแปรอื่นได้ เช่น มุมกล้องต่าง ๆ
รวมถึงจัดการข้อมูลที่เกี่ยวกับเวลาในการเเข่งขันได้อย่างแม่นยำ เมื่อมีการกระทำหรือการฉายภาพซ้ำ ในบันทึกการเเข่งขันเข้ามาประกอบด้วย ซึ่งการใช้งานในอนาคตของเทคโนโลยีนี้ มีความกว้างขวางและจะสามารถช่วยปรับปรุงประสบการณ์สำหรับผู้ชื่นชอบกีฬาด้วยคุณสมบัติต่าง ๆ เช่น การจำแนก Highlights ของการแข่งขันขึ้นเองโดยอัตโนมัติ ในลักษณะเดียวกัน เทคโนโลยีนี้ยังสามารถใช้เพื่อสร้าง Highlights จากชีวิตผู้ใช้โดยอัตโนมัติ เช่น คลิป Highlights ประจำสัปดาห์ โดยการวิเคราะห์จากวิดีโอบนสมาร์ทโฟนของพวกเขา
ในการแข่งขันประเภท MMact Challenge OPPO ชนะรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่หนึ่ง ทั้งในภารกิจการเเข่งขัน Cross-Modal Action Recognition และ Cross-Model Action Temporal Localization โดย AI Algorithm อันทรงพลังของ OPPO สามารถจดจำการกระทำได้มากกว่า 10 ประเภทในวิดีโอเดียวได้อย่างแม่นยำ เช่น การพูด การหมอบ และการเดิน
โดยใช้เพียงแค่ข้อมูลประเภทภาพเท่านั้น ซึ่งเทคโนโลยีนี้ถูกคาดการณ์ไว้ว่าจะถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับ Smart Home ในอนาคต โดยมีคุณประโยชน์มากมาย เช่น ความสามารถในการดูแลเด็ก สัตว์เลี้ยง ผู้สูงอายุ หรือบุคคลที่มีกลุ่มเสี่ยงอื่น ๆ ภายในบ้านให้ได้ดียิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น AI สามารถแจ้งเตือนให้ผู้ปกครองในอีกห้องหนึ่งทันที หากทารกหรือเด็กมีการกระทำที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้
OPPO ยังสามารถคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับที่สอง ในการแข่งขันประเภท AVA-Kinetics Challenge ซึ่งใช้ชุดข้อมูลแรกของอุตสาหกรรมเพื่อรวมข้อมูลพื้นที่และเวลา โดยการแข่งขันการกำหนดตำแหน่งของ Challenge นี้ เป็นหนึ่งในการแข่งขันที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมวดหมู่ด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยมีคู่แข่งจากบริษัทเทคโนโลยีนานาชาติ และมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกมาเข้าร่วม
ซึ่งระบบ AVA-Kinetics Algorithm นี้ ไม่เพียงแต่สามารถระบุพฤติกรรมต่าง ๆ ของผู้คนในวิดีโอได้อย่างแม่นยำเท่านั้น แต่ยังสามารถบันทึกเวลาและตำแหน่งของพวกเขาได้อีกด้วย ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ เทคโนโลยี AI ของ OPPO ไม่เพียงแต่สามารถเข้าใจพฤติกรรมที่คุณทำ แต่ยังเข้าใจว่าคุณกำลังทำอะไร ที่ไหน และเมื่อไหร่อีกด้วย
OPPO ยังคงสำรวจพรมแดนของเทคโนโลยี AI อย่างต่อเนื่อง
ในการเเข่งขัน CVPR ของปีนี้ OPPO ยังได้สามารถก้าวไปสู่จุดใหม่ในความท้าทายทางวิชาการที่ล้ำสมัยยิ่งขึ้น รวมถึงการคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับที่สองในการแข่งขันประเภท LOVEU (Long-form Video Understanding) Challenge โดยการแข่งขันประเภทนี้ จะต้องใช้เทคโนโลยี AI เพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาของ วิดีโอและแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ โดยจะไม่ได้รับหมวดหมู่ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
ดังนั้น ด้วยเนื้อหาที่มีความเป็นไปได้อันหลากหลาย Challenge นี้ จึงเป็นการทดสอบที่สำคัญสำหรับการพิสูจน์ความสามารถของ AI Algorithm ที่จะนำไปใช้กับสถานการณ์ทั่วไปมากยิ่งขึ้น: AI จำเป็นต้องคิดได้เหมือนกับมนุษย์ นั่นก็คือ เข้าใจสี วัตถุ การกระทำของมนุษย์ หรือแม้แต่แสงในวิดีโอ และตัดสินว่าสิ่งเหล่านี้ จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรเมื่อเวลาผ่านไป
ในอนาคต เทคโนโลยีนี้จะมีศักยภาพ ที่จะสามารถนำไปใช้ได้อย่างกว้างขวาง โดยการเป็นพื้นฐานสำหรับงานต่าง ๆ เพิ่มเติมของระบบ AI ในการประมวลผลวิดีโอ เช่น การตรวจจับใบหน้าและการจดจำพฤติกรรม
OPPO US Research Center ได้เข้าร่วมการแข่งขันประเภท Dense Depth for Autonomous Driving Challenge ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยี ที่สามารถส่งข้อมูลที่มีความตื้นลึกแบบ 3 มิติ โดยการประมวลผลจากภาพ 2 มิติ
นอกจากนี้ OPPO ยังได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ในการแข่งขันประเภท Self-supervised track และได้คว้ารางวัล “Novelty Award” มาครองได้สำเร็จ โดยเทคโนโลยีนี้ ใช้โมเดลการเรียนรู้เชิงลึก เพื่อส่งออกข้อมูลความลึกโดยตรงจากรูปภาพทั่วไป นอกจากนั้น เทคโนโลยีนี้อาจจะสามารถเข้ามาแทนที่ Dept Sensor ตัวอย่างเช่น ToF ในอนาคต เพื่อที่จะมอบประสบการณ์การนำทางทั้งในร่ม และกลางแจ้งที่ดียิ่งขึ้นได้อีกด้วย