
Onlinenewstime.com : แม้ว่าสถานการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา ได้คลี่คลายและหลายพื้นที่ของประเทศไทยกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ผลกระทบทางจิตใจที่เกิดขึ้นกับประชาชน
โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในคอนโดสูง กลับเป็นสิ่งที่ยังคงต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด นี่คือมิติทางสุขภาพจิตที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งเกี่ยวข้องกับโรคเครียดภายหลังภยันตราย หรือ PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder)
ผลกระทบทางจิตใจจากแผ่นดินไหว
แผ่นดินไหวครั้งนี้มีขนาด 7.7 ตามมาตราส่วนโมเมนต์ ศูนย์กลางอยู่ใกล้เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า และส่งแรงสั่นสะเทือนมาถึงประเทศไทย ทำให้ประชาชนใน 57 จังหวัดรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน และมี 18 จังหวัด ที่ได้รับความเสียหายอย่างชัดเจน กรุงเทพมหานครเองก็ได้รับผลกระทบ ประชาชนถูกอพยพออกจากอาคารสูง มีอาคารบางแห่งได้รับความเสียหาย
นอกจากผลกระทบทางกายภาพแล้ว หลายคนยังคงมีความเครียดและวิตกกังวล โดยเฉพาะกลุ่มที่อาศัยอยู่ในคอนโดสูงซึ่งต้องเผชิญกับแรงสั่นสะเทือนโดยตรง หลายคนยังคงมีอาการหวาดกลัว รู้สึกไม่ปลอดภัย และบางรายอาจเข้าข่ายภาวะ PTSD
PTSD: โรคเครียดที่มาพร้อมกับภัยพิบัติ
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลว่า PTSD มักเกิดขึ้นหลังจากบุคคลต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจอย่างรุนแรง เช่น ภัยพิบัติ การก่อการร้าย หรือการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก โดยภาวะนี้สามารถแบ่งออกเป็นสองระยะหลัก ๆ
- ระยะทำใจ (ภายใน 1 เดือนแรก)
- อาการเครียดเฉียบพลัน
- หวาดระแวงง่าย ตกใจง่าย
- นอนไม่หลับ มีอาการซึมเศร้า
- ระยะ PTSD (มากกว่า 1 เดือนขึ้นไป)
- มีภาพเหตุการณ์ผุดขึ้นมาในความคิด หรือฝันเห็นเหตุการณ์ซ้ำ ๆ
- เกิดอาการ Flashback รู้สึกเหมือนเหตุการณ์กำลังเกิดขึ้นอีกครั้ง
- หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่กระทบจิตใจ เช่น ไม่ดูข่าวแผ่นดินไหว
- อารมณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง รู้สึกหดหู่ คิดว่าชีวิตจะไม่มีความสุขอีกต่อไป
ใครบ้างที่เสี่ยงต่อการเป็น PTSD?
กลุ่มเสี่ยงของโรค PTSD ได้แก่
- คนที่มีประสบการณ์ถูกทำร้ายหรือเผชิญเหตุการณ์สะเทือนใจในอดีต
- คนที่ไม่มีระบบสนับสนุนทางสังคม เช่น ไม่มีครอบครัวหรือเพื่อนใกล้ชิด
- คนที่มีประวัติเป็นโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล หรือโรคไบโพลาร์มาก่อน
- ผู้หญิงมีแนวโน้มเป็น PTSD ได้มากกว่าผู้ชาย
- เด็กหรือผู้สูงอายุที่ปรับตัวต่อสถานการณ์ยากลำบาก
แนวทางการรักษาและบรรเทาอาการ
แม้ว่า PTSD จะเป็นภาวะที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก แต่สามารถบรรเทาและรักษาได้ โดยแนวทางการดูแลมีดังนี้
- ยอมรับว่าตนเองต้องการความช่วยเหลือ
- ไม่ควรกลัวการขอความช่วยเหลือจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ
- การบำบัดทางจิตวิทยา
- การทำพฤติกรรมบำบัด เช่น การเผชิญกับสิ่งที่กลัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
- การทำกลุ่มบำบัด ร่วมพูดคุยกับผู้ที่ประสบเหตุการณ์คล้ายกัน
- ฝึกเทคนิคการผ่อนคลาย
- การฝึกสมาธิและการหายใจเข้าออกลึก ๆ
- การออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อลดความเครียด
- การใช้ยา (ในกรณีจำเป็น)
- แพทย์อาจพิจารณาสั่งยาเพื่อลดอาการวิตกกังวลและอาการซึมเศร้า
แม้ว่าประเทศไทยจะผ่านพ้นช่วงวิกฤตของแผ่นดินไหวมาแล้ว แต่ผลกระทบทางจิตใจยังคงเป็นเรื่องที่ต้องได้รับความสนใจ PTSD เป็นภัยเงียบที่อาจส่งผลต่อสุขภาพจิตของประชาชนในระยะยาว โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนัก เช่น กรุงเทพฯ ซึ่งมีประชาชนจำนวนมากอาศัยอยู่ในอาคารสูง
การตระหนักรู้ถึงภาวะ PTSD และการได้รับความช่วยเหลืออย่างเหมาะสมจะช่วยให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบสามารถฟื้นฟูจิตใจและกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้อีกครั้ง ทั้งนี้ การสนับสนุนจากสังคมและครอบครัวถือเป็นปัจจัยสำคัญในการฟื้นฟูสุขภาพจิตของผู้ประสบภัยในระยะยาว
สายด่วน กรมสุขภาพจิต 1323 หรือศูนย์เยียวยาจิตใจ 1667 ตลอด 24 ชั่วโมง