fbpx
News update

SIBA แนะเส้นทางการศึกษาสายอาชีพ เรียนได้เงิน จบได้งาน

Onlinenewstime.com : ใครๆก็อยากมีอนาคตที่มั่นคง มีอาชีพ มีงานทำ มีรายได้ดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างเป็นสุข แต่ด้วยวิกฤตของสังคมโควิด-19 มีหลากหลายปัญหา ส่งผลให้คนตกงานและอื่นๆอีกมากมาย แต่เมื่อหันกลับมามองเรื่องของมิติการศึกษาแล้ว เส้นทางการศึกษาสายอาชีพ ที่ SIBA ถือว่าเป็นโอกาสสำคัญยิ่ง เพราะระหว่างเรียนได้เงิน จบแล้วมีงานทำ

SIBA จัดสัมมนาครั้งสำคัญในหัวข้อ ”การแนะแนวเส้นทางการศึกษาสายอาชีพ ในยุคดิจิตอลหลังโควิด-19”  โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ระดับแนวหน้าของเมืองไทย ร่วมชี้แนวทางการศึกษาอย่างไรไม่ตกงาน ทำงานได้ ใช้ชีวิตเป็น พร้อมเปิดโผ 8 อาชีพมาแรง สู่ความมั่นคงในอาชีพในยุคดิจิทัลหลังโควิด-19

SIBA หรือวิทยาลัยอาชีวศึกษาสันติราษฎร์ ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ในฐานะสถาบันการศึกษาสายอาชีพระดับแถวหน้าของประเทศ จัดงานสัมมนาในหัวข้อ “การแนะแนวเส้นทางการศึกษาสายอาชีพ ในยุคดิจิตอลหลังโควิด-19” โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิชั้นนำของเมืองไทย มาร่วมงานในครั้งนี้

นายณรงค์ แผ้วพลสง ที่ปรึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่า “หากมองในเส้นทางการศึกษาสายอาชีพ ยังมีความสนใจในด้านนี้น้อย ซึ่งเกิดจากองค์ประกอบ หรือสาเหตุหลายประการ อาทิ ผู้ปกครองหรือนักเรียน นักศึกษา อาจจะมุ่งไปในเรื่องการเรียนในมหาวิทยาลัย เลยมองข้ามในเรื่องของสายอาชีพไป

แต่ปัจจุบัน วันที่โลกได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้ปกครอง และเด็กได้สนใจการศึกษาสายอาชีพกันมากขึ้น เพราะอย่างน้อย การมีความรู้ทางด้านอาชีพผู้เรียนสามารถนำความรู้ไประกอบอาชีพได้จริง”  

ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ เกิดวิกฤตของสังคมหลายเรื่อง ทำให้เราเห็นภาวะของคนตกงาน คนเจ็บป่วย ทั้งแง่บวกและแง่ลบ แต่เมื่อหันกลับมามองเรื่องของมิติการศึกษาแล้ว ในด้านอาชีพนั้น ถือว่ามีความสำคัญต่อสังคม ประเทศชาติเป็นอย่างมาก

จะเห็นภาพที่เกิดขึ้นว่ามีลูกหลานเราหลายคนที่จบการศึกษา แต่ก็ยังหางานทำไม่ได้ ขณะที่ลูกหลานเราที่มีงานทำอยู่แล้ว ก็กลายเป็นคนตกงาน แต่มีกลุ่มงานหนึ่ง ที่มีระดับทักษะฝีมือนั้นยังคงมีงานทำ แม้ว่าจะเจอวิกฤตอย่างไร ทั้งนี้การพัฒนาประเทศ สู่ความเป็นสากล จำเป็นต้องอาศัยกำลังแรงงานในระดับทักษะฝีมือ หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ”สายอาชีพ”  ซึ่งยังขาดแรงงานประเภทนี้อยู่มาก

ด้าน นายมณฑล  ภาคสุวรรณ์ รองเลขาธิการ คณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวว่า เด็กในทศวรรษที่ 21 ต้องสามารถปรับตัว ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปได้ เพราะว่าคนที่อยู่รอด ไม่ใช่คนฉลาดหรือคนเก่ง แต่เป็นคนที่ปรับตัวได้ 

เป้าหมายของการศึกษา ตามยุทธศาสตร์ของประเทศ ต้องการให้เด็กได้รับการศึกษาที่มีมาตรฐานสากลและถ้าเป็นอาชีวะก็จบมามีงานทำ 100 %  ในเบื้องต้นสำหรับสถานศึกษา จะต้องปรับตัว และวางรากฐานที่มั่นคงให้กับเด็กของเรา

ขณะที่การเปลี่ยนแปลงความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัล หรือปัญหาของการะบาดโควิด-19 เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่สิ่งที่เราต้องทำคือ การปรับตัวการนำเทคโนโลยีดิจิทัล หรือระบบ Online มาใช้ในการเรียนการสอน ไม่ว่าเป็น Online, On air, On Demand ต้องใช้ทุกรูปแบบ เข้ามาในการบริหารจัดการ ซึ่งจะมี Platform หลาย ๆ อย่าง เช่น Microsoft หรือ Zoom เข้ามาใช้เป็นเครื่องมือในการสอน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนการสอน เป็นต้น

ส่วนทางด้านนายโอม ศิวะดิตถ์ ผู้บริหาร บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า การทำ Digital Transformation ถ้าก่อนเกิดเหตุการณ์โควิด-19 สิ่งที่เรามองมันคือ การวางแผนระยะยาว แต่หลังจากเราเจอ โควิด-19 คำว่า Digital Transformation ที่เคยวางแผนกันเป็นปี ต้องปรับเปลี่ยนแผนให้ เกิดขึ้นภายในระยะเวลาแค่ 1-2 เดือน ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้พฤติกรรมของคนไทยเปลี่ยนไป

โดยทางไมโครซอฟท์ มองการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้แบ่งออกเป็น 4 ระดับ ประกอบด้วยระดับที่ 1 เรียกว่า Digital literacy คือ ระดับพื้นฐานในการใช้ชีวิตในสังคม เริ่มไปสู่การเป็นดิจิทัล ระดับที่ 2 เรียกว่า Foundation เป็นระดับที่สูงขึ้น เพื่อเตรียมที่จะใช้งานได้คนที่เป็น Digital marketer

ระดับที่ 3 เรียกว่า Job role เช่น Financial analyst  ต้องใช้เครื่องมือเป็น  แต่พอไปอยู่ในงานนั้นจริงๆ ก็จะมี Soft skills ทักษะของการทำงาน ในสายงานนั้น Project manager, IT , Software developer, IT Admin ระดับ 4 เป็นระดับที่สูงสุด ที่เรียกว่า Job ดิจิทัลเข้ามามีความสำคัญกับทุก ๆ คน โดยต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นตัวจัดการหมด

ถ้าคุณเป็น Digital marketer จะวิเคราะห์พื้นๆ ไม่ได้แล้ว เอา Excel มาดูข้อมูลหรือมาทำ Dashboard ก็ไม่พอ จะต้องไปทำในเรื่องของ Machinery ขณะที่คุณอยากจะไปเป็น Software development  ต้องทำโปรเจคที่เป็น AI ที่เป็นทักษะใหม่ ต้องเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น

8 อาชีพมาแรง

และ ดร.เบญจมาภรณ์ คุณะรังษี  ผู้อำนวยการ SIBA  กล่าวว่า จากการสำรวจอาชีพในอนาคตอีก 5 ปี ข้างหน้า มีอาชีพเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน และเป็นอาชีพยอดนิยมหลังจากการแพร่ระบาดของโควิดซึ่ง 8 อาชีพมาแรงคือ

  1. Online Marketing นักการตลาดออนไลน์” ปัจจุบันเราใช้โทรศัพท์มือถือเช็คข้อมูลข่าวสารกันแทบทุกวินาที จะเห็นว่ามีโฆษณาที่ pop up ขึ้นมาตลอด นั้นคือ หน้าที่ของนักการตลาดออนไลน์ เป็นผู้ออกแบบและผลิตโฆษณาเหล่านี้   
  2. “Application Creator นักพัฒนา แอพพลิเคชั่น”  เนื่องจากผู้คนในยุคข้อมูลข่าวสารต้องการเสพข้อมูลที่ดูง่าย เป็นระเบียบ สบายตา ช่วยอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ
  3. Social Admin ผู้ดูแลโซเชียลมีเดีย” ไว้เป็นสื่อกลาง ระหว่างผู้บริโภคกับหน่วยงานหรือเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือบริการ และคอยดูแลให้พื้นที่โซเชียลมีเดีย ให้อยู่ในความเรียบร้อยและเหมาะสมกับผู้บริโภค  
  4. นักกูรูออนไลน์ หรือ Youtuber” ผู้ที่คอยแยกย่อย จัดระเบียบข้อมูล ให้คำวิเคราะห์ ให้คำแนะนำ ชี้ทางให้กับมือใหม่ ในเรื่องต่างๆ
  5. ผู้ดูแลเครือข่ายระบบคอมพิวเตอร์ หรือ Programmer”  เป็นอาชีพที่คอยสนับสนุนทุกอาชีพ ที่เกี่ยวข้องกับระบบออนไลน์ ทุกรูปแบบบริษัทใหญ่ๆ ที่มีการบริหารข้อมูลในลักษณะของ Big Data ที่ต้องใช้การวิเคราะห์ความเป็นไปของกิจการ
  6. เจ้าของธุรกิจ Start Up” วัยรุ่นหลายคน มีฝันอยากประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย เป็นอายุน้อยร้อยล้าน ต่างก็ตบเท้าเข้ามาลองเชิงทำธุรกิจ Start Up ใครมีไอเดียดี ๆ อย่าเก็บเอาไว้ ลองเอามันออกมาสร้างฝันให้เป็นจริงได้
  7. นักบัญชีที่เชี่ยวชาญเรื่องภาษีอากร” มีหน้าที่ให้คำปรึกษา กับองค์กรด้านบัญชีและด้านภาษีอากรต่างๆ ลดความเสี่ยงทางภาษี  
  8. “เชฟ” อาชีพนี้มีรายได้สูง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดร้านอาหารออนไลน์ ไม่ต้องมีหน้าร้านร่วมกับ applications อย่าง Food Panda /Lineman / Grab เป็นธุรกิจที่ทำเงินในขณะนี้

พร้อมกันนี้  “ก็ขอฝากถึงทุกๆ คน ให้เห็นความสำคัญในการเรียนหลักสูตรที่มีทักษะเฉพาะทาง ที่เรียนเกี่ยวกับสายอาชีพ ซึ่งมีหลากหลายประเภททั้ง ด้านเทคโนโลยี ด้านบัญชี ด้านการตลาด ด้านอาหาร

ส่วนใหญ่จะสอดคล้องกับอาชีพที่เป็นที่ต้องการ ของภาคธุรกิจและตลาดแรงงาน  ผู้เรียนจะได้รับความรู้ ได้ ประสบการณ์ ได้รายได้ระหว่างเรียน ได้ทักษะวิชาชีพติดตัว ได้เลือกเรียนอย่างหลากหลาย ได้มีโอกาสเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา ได้รับการสนับสนุนทั้งภาครัฐภาคเอกชน และได้ทำอะไรตอบแทนสังคม”

“SIBA”  ต้องการยกระดับอาชีวะให้สูงขึ้น พร้อมสร้างความอยากเรียนรู้ให้กับนักเรียนอาชีวะมาจากข้างในของตนเอง โดยมีหลักสูตรอยู่ในอาชีพ นี่คือความได้เปรียบของการเรียนสายอาชีพที่สามารถตอบโจทย์ทุกอาชีพในอนาคต

นักเรียนของ SIBA มีรายได้ระหว่างเรียน จบแล้วมีงานทำ และที่สำคัญ สามารถกู้เงินเรียนได้ หรือจะขอทุนเรียนฟรีก็ได้

สำหรับปีการศึกษา 2564 นี้ SIBA ได้เปิดรับสมัครนักเรียนทั้ง ม.3, ม.6 และปวช. แล้วตั้งแต่วันนี้จนถึงเมษายน 2564 มีหลักสูตรวิชาชีพที่ทันสมัย ให้เลือกหลากหลาย ทั้งระดับชั้น ปวช. (3 ปี) และ ระดับ ปวส. (2 ปี) สามารถดูรายละเอียดได้ที่ เว็บไซต์ หรือโทร. 02-9393000