fbpx
News update

เอสอาร์ที แอสเสท ฯ เผยโปรเจ็กต์ บางซื่อ-ธนบุรี 

ล่าสุด “พลตำรวจเอก จารุวัฒน์ ไวศยะ” ประธานกรรมการบริษัท ฯ และ “คุณอนันต์  โพธิ์นิ่มแดง” รักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ SRT ASSET และ รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เผย ถึงความน่าสนใจของโปรเจ็กต์ใหญ่ ในพื้นที่บางซื่อว่า ได้พัฒนาภายใต้แนวคิด TOD (ที-โอ-ดี) หรือ Transit Oriented Development จากประเทศญี่ปุ่น และโปรเจ็กต์ ธนบุรี ที่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจจะทำให้เป็นสาธารณะประโยชน์ 

ทางด้าน “พลตำรวจเอก จารุวัฒน์”  ได้เล่าถึงโปรเจ็กต์ธนบุรี ที่เป็นโปรเจ็กต์สาธารณะประโยชน์ว่า “พื้นที่รอบสถานีรถไฟธนบุรี มีทั้งหมด 147 ไร่ โดยจะมีแผนพัฒนาเป็นศูนย์การแพทย์และเมืองสีเขียว ซึ่งจะตอบโจทย์สำหรับผู้ที่เดินทางมาโรงพยาบาลศิริราช

ปัจจุบันคนเดินทางมาโรงพยาบาลศิริราชวันละ 20,000 กว่าคน โดยเบื้องต้นในระยะที่ 1 เราจะใช้ประมาณ 14 ไร่ ได้เริ่มเปิดประมูลให้เอกชนร่วมลงทุนแล้ว โดยทางเราได้เสนอผลตอบแทน 30 ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2569″ 

โดย “คุณอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง” ได้กล่าวถึงโปรเจ็กต์บางซื่อว่า “สำหรับตัวพื้นที่บางซื่อ มีจำนวนทั้งหมด 2,000 กว่าไร่ จากเดิมที่เป็นชุมทางรถไฟชุมทางบางซื่อ ก็ได้มีการพัฒนาเรื่องทำสถานีแห่งใหม่ขึ้นมา รองรับ ทั้งเรื่องของตัวรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางไกลของการรถไฟแห่งประเทศไทย รวมถึงการเชื่อมต่อกับการเดินทางสาธารณะโหมดอื่นๆ

นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ล้อมรอบที่บางซื่ออีกด้วย ซึ่งทำให้เรามีแผนพัฒนาในลักษณะ TOD (ที-โอ-ดี) หมุดตัวแรกสถานีมาแล้ว ระบบโครงสร้างพื้นฐาน ระบบรถไฟความเร็วสูงกำลังก่อสร้าง มีกำหนดเสร็จประมาณปี พ.ศ.2570 โดยเราได้ศึกษาตัวนี้ร่วมกับทาง JICA ซึ่งก็ได้ใช้แนวความคิดจากทางญี่ปุ่นมาผสมผสาน มีการแบ่งโซนนิ่ง แบ่งบางซื่อออกเป็นแต่ละเฟส  นอกจากนี้เรามีที่ปรึกษาพิเศษมาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ

พื้นที่บางซื่อมีลักษณะเป็น Smart City เป็นเมืองแห่งอนาคต ที่การคมนาคมมีความสะดวกปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงสวนสาธารณะที่อยู่ด้านข้าง อาทิ สวนจตุจักร สวนรถไฟ

ถือเป็นพื้นที่ไม่กี่แปลงในกรุงเทพฯ ที่เมืองจะอยู่รวมกับสวนสาธารณะ ซึ่งในอนาคตสถานี Bus Terminal มาอยู่ใกล้กับสถานีบางซื่อ และระหว่างสองอาคารนี้ก็จะเป็นแหล่งจับจ่ายใช้สอย ก็จะมีตัวร้านค้าเกิดขึ้น สำนักงานเช่า ที่พักอาศัย”

เรียกได้ว่าเป็น 2 โปรเจ็กต์ยักษ์ที่ SRT ASSET จะต้องเร่งทำให้สำเร็จตามระยะเวลาที่คาดการณ์ไว้ และหากสำเร็จลุล่วงเป็นรูปธรรม เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นอีกก้าวสำคัญของประเทศไทย ที่มีการพัฒนาพื้นที่ว่างให้เกิดมูลค่า ภายใต้แนวคิด TOD และที่สำคัญที่สุดคือ ประชาชนคนไทยได้ใช้ประโยชน์จากโปรเจ็กต์เหล่านี้ในชีวิตจริง