Site icon Onlinenewstime.com – News and Knowledge to sustainability

ททท. จับมือกระทรวงท่องเที่ยวฯ มาเลเซีย บูสต์กลุ่มนักท่องเที่ยวขับรถข้ามชายแดนไทย-มาเลเซีย ตั้งเป้า 7 ล้านคนตลอดปี

Cross-border Tourism thai malay

พร้อมร่วมปล่อยขบวนคาราวาน Thailand-Malaysia Self-Drive Tourism กว่า 60 คัน ณ ลานจอดรถ The Zon Duty Free Complex ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างด่านสะเดา จังหวัดสงขลา ราชอาณาจักรไทย และด่านบูกิตกายูฮิตัม สหพันธรัฐมาเลเซีย ซึ่งมีนักขับรถและผู้ร่วมคาราวานเข้าร่วมงานกว่า 100 คน เดินทางสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวที่น่าประทับใจ แลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมของทั้งสองประเทศ  

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมุ่งขับเคลื่อนนโยบาย IGNITE Thailand’s Tourism ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวระดับโลก และเป็นศูนย์กลางในการเดินทางของภูมิภาคอาเซียน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

โดย ททท. ได้เร่งดำเนินการมุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวข้ามแดนระหว่างประเทศเพื่อนบ้านภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียน (ASEAN) โดยสำหรับประเทศไทยและมาเลเซียนั้น เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ สามารถเชื่อมโยงกันได้ทั้งทางอากาศ ทางบก (ทางถนนและทางราง) และทางน้ำ

ปัจจุบันนักท่องเที่ยวมาเลเซียติดอันดับ Top 3 ตลาดนักท่องเที่ยวที่เดินทางเยือนไทยมากที่สุด โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 23 ตุลาคม 2567 มีนักท่องเที่ยวมาเลเซียมาเยือนไทยแล้วมากกว่า 4 ล้านคน โดยร้อยละ 49 เลือกเดินทางเข้าประเทศไทยผ่านชายแดนด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จังหวัดสงขลา

ซึ่งจากปัจจัยสนับสนุนของมาตรการรัฐบาลในการขยายเวลาการยกเว้นการยื่นรายการตามแบบ ตม.6 ของ 4 ด่านชายแดนทางบกระหว่างประเทศไทยและมาเลเซีย ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2567 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2568 จึงเป็นโอกาสอันดีที่ไทยและมาเลเซียจะร่วมกันส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวทั้งสองประเทศเดินทางระหว่างกันในรูปแบบการท่องเที่ยวขับรถข้ามแดน (Cross-border Tourism)

ทั้งนี้ ในปี 2567 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียมาเยือนไทยรวมทั้งหมดไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน ในขณะเดียวกันจะมีคนไทยเดินทางไปเยือนมาเลเซียในปีนี้ ไม่น้อยกว่า 2 ล้านคน รวมแล้วคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางระหว่างกันไม่น้อยกว่า 7 ล้านคน

ดร. ยัสมิน ยาซิม รองเลขาธิการใหญ่ กระทรวงการท่องเที่ยว ศิลปะ และวัฒนธรรม แห่งมาเลเซีย กล่าวว่า มาเลเซียมีความยินดียิ่งที่ได้มีความร่วมมือกับประเทศไทยในการส่งเสริมการท่องเที่ยวข้ามชายแดน โดยจะมุ่งส่งมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจและส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของสองประเทศ และมาเลเซียได้เตรียมการประกาศให้ปี 2569 เป็นปีท่องเที่ยวมาเลเซีย (Visit Malaysia 2026) ตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วโลกไม่น้อยกว่า 35.6 ล้านคน

เชื่อว่าการท่องเที่ยวข้ามชายแดน จะมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างไทยและมาเลเซียได้อย่างมาก สอดคล้องกับความตั้งใจของมาเลเซียที่จะส่งเสริมให้มีการอำนวยความสะดวกสำหรับการเดินทางข้ามชายแดนอย่างไร้รอยต่อ และเสริมสร้างความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวกับไทยและประเทศสมาชิกทั้งภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียน (ASEAN) และ Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle (IMT-GT) ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ตลอดจนสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต่อไป

การแถลงความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีในการต้อนรับฤดูกาลท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ โดย ททท. และกระทรวงการท่องเที่ยว ศิลปะ และวัฒนธรรม แห่งมาเลเซีย ได้ร่วมกันเปิดตัวคู่มือแผนที่เส้นทางท่องเที่ยว Self-Drive เชื่อมโยงชายแดนไทยและมาเลเซีย ซึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในเส้นทาง

โดยนักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถรับข้อมูลในรูปแบบดิจิทัล พร้อมทั้งค้นหาคู่มือเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงประเทศไทยและมาเลเซีย รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ ได้ที่เว็บไซต์ https://tourismproduct.tourismthailand.org  โดย ททท. มีแผนจะพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวขับรถข้ามแดนร่วมกับมาเลเซียเพิ่มเติม

อีกทั้งพิจารณาการพัฒนาสินค้าและบริการการท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมที่พัก ร้านค้า ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงการจัดกิจกรรมกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยว และเพิ่มโอกาสให้นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียได้ขยายการเดินทางไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ของไทย นอกเหนือจากภูมิภาคภาคใต้ด้วย เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเดินทางเชื่อมโยงกันโดยสะดวก

นอกจากนี้ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็น ASEAN Hub ททท. มีนโยบายที่จะกระตุ้นการเดินทางเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านผ่านช่องทางคมนาคมที่หลากหลาย สำหรับประเทศไทยและมาเลเซียนั้น ถือว่ามีข้อได้เปรียบที่สามารถเชื่อมโยงกันได้ทั้งทางอากาศ ทางบก (ทางถนนและทางราง) และทางน้ำ จึงเป็นโอกาสอันดีในการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างประเทศไปพร้อมกัน

โดยในส่วนของการเชื่อมโยงทางอากาศมีความร่วมมือในการเปิดเส้นทางการบินใหม่ ๆ อยู่อย่างต่อเนื่อง อาทิ เส้นทางบินกัวลาลัมเปอร์-เชียงใหม่ของ Malaysia Airline เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 และทางราง ได้ริเริ่มผลักดันการเดินทางท่องเที่ยวโดยรถไฟจากกัวลาลัมเปอร์ ตรงไปยังสถานีหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ภายใต้การบูรณาการความร่วมมือกันระหว่าง การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กับการรถไฟมาลายา หรือ KTMB (Keretapi Tanah Melayu Berhad) ให้บริการขนส่งนักท่องเที่ยวโดยรถไฟ KTM Electric Train Service (ETS) ซึ่งให้บริการจากสถานี KL Sentral ไปยังสถานีรถไฟปาดังเบซาร์ รัฐปะลิส ก่อนจะเชื่อมต่อไปยังสถานีรถไฟหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

อีกทั้งยังจัด Charter train ชื่อ My Sawasdee ในเส้นทางกัวลาลัมเปอร์-ปาดังเบซาร์-หาดใหญ่ รองรับผู้โดยสารได้ถึงเที่ยวละ 400 คน โดยจะเปิดให้บริการเพียงช่วงวันหยุดยาว หรือเทศกาลเฉลิมฉลองพิเศษ ซึ่ง ททท. มีแผนที่จะส่งเสริมเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางที่เปิดให้บริการเป็นประจำเพิ่มขึ้นต่อไป

ททท. คาดว่า การเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการนำเสนอรูปแบบการท่องเที่ยวผ่านช่องทางคมนาคมที่หลากหลายระหว่างไทยและประเทศเพื่อนบ้านนั้น จะทำให้ ททท. ดำเนินกิจกรรมด้านการตลาดได้บรรลุตามเป้าของรัฐบาล ซึ่งตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท และเพิ่มเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 36.7 ล้านคน ภายในปี 2567 นี้แสดงผล 46 ครั้ง

Exit mobile version