Site icon Onlinenewstime.com – News and Knowledge to sustainability

บสย. จัดวงเงินค้ำประกันสินเชื่อกว่า 1 แสนล้านตลอดปี 2568 พลิกฟื้น SMEs ไทย ขานรับนโยบายรัฐ ปลดล็อก SMEs ซื้อรถกระบะใหม่ หนุน “กลุ่มเปราะบาง” เข้าถึงสินเชื่อ

TCG06032025_01.jpg

Onlinenewstime.com : บสย. เผยยอดค้ำประกันสินเชื่อปี 2567 รวม 53,738 ล้านบาท ช่วยผู้ประกอบการเข้าถึงสินเชื่อ 88,472 ราย ประสบความสำเร็จแก้หนี้สะสม 18,489 ราย คิดเป็นมูลหนี้รวม 11,872 ล้านบาท ปี 2568 เตรียมวงเงินค้ำประกันกว่า 1 แสนล้านบาท

คาดช่วย SMEs เข้าถึงสินเชื่อ 1.65 แสนราย ขานรับนโยบายรัฐ ส่งโครงการค้ำประกันใหม่ ปลดล็อก SMEs ซื้อรถกระบะใหม่ พร้อมหนุน “กลุ่มเปราะบาง” อาชีพอิสระเข้าถึงสินเชื่อ สานต่อภารกิจ Transforms องค์กร ขยายบทบาทช่วย SMEs ในประเทศไทย

นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ผลดำเนินงานปี 2567 บสย. มียอดค้ำประกันสินเชื่อ 53,738 ล้านบาท ช่วย SMEs ได้รับสินเชื่อ 88,472 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ประกอบการรายย่อย (Micro SMEs) 90% ค้ำประกันเฉลี่ย 100,000 บาทต่อราย อีก 10% เป็น SMEs ทั่วไป ค้ำประกันเฉลี่ย 4.96 ล้านบาทต่อราย

ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน 58,986 ล้านบาท รักษาการจ้างงาน 487,253 ตำแหน่ง และสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 220,462 ล้านบาท ภายใต้ 3 โครงการหลัก ได้แก่

1. โครงการตามมาตรการรัฐ วงเงิน 33,502 ล้านบาท คิดเป็น 62% ของยอดค้ำประกัน ช่วย SMEs เข้าถึงสินเชื่อ 83,012 ราย

2. โครงการค้ำประกันสินเชื่อ โดย บสย. ดำเนินการเอง วงเงิน 10,343 ล้านบาท คิดเป็น 20% ของยอดค้ำประกัน ช่วย SMEs เข้าถึงสินเชื่อ 5,184 ราย และ

3. โครงการ พ.ร.ก. สินเชื่อฟื้นฟู ระยะที่ 2 (โครงการค้ำประกันสินเชื่อดอกเบี้ยถูก) วงเงิน 9,893 ล้านบาท คิดเป็น 18% ของยอดค้ำประกัน ช่วย SMEs เข้าถึงสินเชื่อ 1,543 ราย

สำหรับโครงการหลัก PGS 11 “บสย. SMEs ยั่งยืน” มียอดค้ำประกัน 28,537 ล้านบาท ช่วย SMEs เข้าถึงสินเชื่อ 30,381 ราย โดยเป็นกลุ่มที่ไม่เคยใช้บริการ บสย. (ลูกค้าใหม่) ถึง 72% และเป็นกลุ่ม Micro SMEs ถึง 83%

ตอกย้ำความสำเร็จในการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย พ่อค้า แม่ค้า อาชีพอิสระ ที่มีปัญหาในการเข้าถึงสินเชื่อ สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้มากขึ้น โดยประเภทอุตสาหกรรมที่ค้ำประกันสินเชื่อสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่

1. ภาคบริการ 28.4% 2. การผลิตสินค้าและการค้าอื่นๆ 10.8% และ 3. อาหารและเครื่องดื่ม 10.7% ซึ่งทั้ง 3 อุตสาหกรรมมีสัดส่วนค้ำประกันถึง 50% สะท้อนถึงอุตสาหกรรมหลักของประเทศที่มีส่วนสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย    

นายสิทธิกร กล่าวว่า ตลอดปี 2567 บสย. ยังมีภารกิจสำคัญในการช่วยแก้หนี้ให้กับ SMEs ที่ บสย. จ่ายค่าประกันชดเชย (ลูกหนี้ บสย.) ตอบโจทย์นโยบายภาครัฐ ผ่านมาตรการ “บสย. พร้อมช่วย” หรือ มาตรการ 3 สี (ม่วง เหลือง เขียว) ซึ่งเริ่มขึ้นในเดือนเมษายน 2565

จุดเด่นคือ “ผ่อนน้อย เบาแรง” “ตัดเงินต้น ก่อนตัดดอก” หรือจ่ายเงินต้นบางส่วน คิดอัตราดอกเบี้ย 0% และผ่อนยาว 7 ปี “หนี้ลด หมดเร็ว“

โดยตั้งแต่ออกมาตรการในปี 2565 ประสบผลสำเร็จในการช่วยเหลือลูกหนี้ไปแล้วถึง 18,489 ราย (เฉพาะปี 2567 จำนวน 4,037 ราย) คิดเป็นมูลหนี้รวมกว่า 11,872 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 33 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้ง บสย.

ทั้งนี้ เพื่อให้ความช่วยเหลือเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ในปี 2568 บสย. ได้ปรับเงื่อนไขมาตรการ “บสย. พร้อมช่วย” ให้ผ่อนปรนยิ่งขึ้น เพื่อช่วย SMEs ปลดหนี้ได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น อาทิ เพิ่มระยะเวลาผ่อน, ตัดเงินต้นเพิ่มขึ้น เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัว มาตรการใหม่ ช่วย SMEs “กลุ่มเปราะบาง” ที่มียอดหนี้ เงินต้นไม่เกิน 2 แสนบาท อัตราดอกเบี้ย 0% ชำระครั้งแรกเพียง 500 บาท ผ่อนสูงสุด 80 เดือน ตัดเงินต้นทั้งจำนวน ค่างวดขั้นต่ำเพียง 500-2,500 บาท และสามารถปลดหนี้ ลดต้น 30% เมื่อจ่ายต่อเนื่อง 6 งวด

โดยตลอดปี 2568 ตั้งเป้าปรับโครงสร้างหนี้ผ่านมาตรการ “บสย. พร้อมช่วย” ไม่ต่ำกว่า 5,000 ราย คิดเป็นมูลหนี้ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ ยังได้จัดกิจกรรมเชิงรุก “บสย. พร้อมค้ำ พร้อมช่วย” ระดมทีมงานผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำการปรับโครงสร้างหนี้ผ่านมาตรการ“บสย. พร้อมช่วย”และการเข้าถึงสินเชื่อให้กับ SMEs เดินสายออกบูธที่ห้างโลตัส 12 จังหวัด กระจายไปยังทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ตลอดเดือนมกราคม – มีนาคม 2568

โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มี SMEs และลูกหนี้ บสย. เข้าร่วมกิจกรรมที่บูธรวม 288 ราย เป็นลูกหนี้ที่เข้ามาเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ 229 ราย คิดเป็นมูลหนี้ 183 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็น SMEs ลูกหนี้ “กลุ่มเปราะบาง” ยอดหนี้ไม่เกิน 200,000 บาท จำนวน 175 ราย

โดยมีลูกหนี้สามารถปลดหนี้ ปิดบัญชีได้ถึง 93 ราย จำนวนนี้เป็นกลุ่มเปราะบางสูงถึง 96% คิดเป็นมูลหนี้ 5.6 ล้านบาท สำหรับลูกหนี้ บสย. ที่ต้องการปรับโครงสร้างหนี้ สามารถลงทะเบียนผ่าน LINE OA : @tcgfirst ฟรี! หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บสย. Call Center โทร. 02-890-9999

นายสิทธิกร กล่าวว่า ในปีนี้ บสย. สานต่อการยกระดับ และพัฒนาการค้ำประกันสินเชื่อในประเทศไทยให้แข็งแกร่ง เสริมสร้างกลไกการค้ำประกันสินเชื่อ การบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดีขึ้น และเพิ่มศักยภาพในการสนับสนุนทางการเงินให้ SMEs พร้อมเปิดตัวโครงการค้ำประกันสินเชื่อรูปแบบใหม่ๆ เพื่อขยายการช่วยเหลือ SMEs ให้ครอบคลุมมากที่สุด

เมื่อบวกกับข้อมูลของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ล่าสุดที่ระบุถึง สินเชื่อที่หดตัวลงในปี 2567 สำหรับสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์หดตัว 0.4% ลดลงสูงสุดในรอบ 15 ปี โดยสินเชื่อธุรกิจ SMEs หดตัวลง เช่นเดียวกับสินเชื่อเช่าซื้อที่ลดลง 9.9% ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่อง

จากสถานการณ์ดังกล่าว บสย. ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วย SMEs จำนวนกว่า 3.2 ล้านราย ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ผ่านกลไกการค้ำประกันของ บสย.

ปีนี้ได้เตรียมวงเงินค้ำประกันสินเชื่อ 110,000 ล้านบาท คาดว่าจะก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบ 142,000 ล้านบาท ช่วย SMEs เข้าถึงสินเชื่อ 165,000 ราย รักษาการจ้างงาน 940,000 ตำแหน่ง และสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้ 454,300 ล้านบาท ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อต่างๆ ทั้งโครงการตามมาตรการรัฐ PGS 11 “บสย. SMEs ยั่งยืน” และโครงการค้ำประกันสินเชื่อ โดย บสย. ดำเนินการเอง ครอบคลุมการช่วยเหลือ SMEs ทุกกลุ่ม ดังนี้

  1. ผู้ประกอบการที่ต้องการซื้อกระบะใหม่ ในการขนส่งสินค้าและธุรกิจค้าขาย ล่าสุดได้เปิดตัว มาตรการค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อ (บสย. SMEs PICK-UP) วงเงิน 10,000 ล้านบาท เพื่อช่วย SMEs กลุ่มนี้เข้าถึงสินเชื่อในระบบผ่านกลไกการค้ำประกันของ
    บสย. คาดว่าสามารถช่วยผู้ประกอบการที่ต้องการซื้อรถกระบะใหม่ เข้าถึงสินเชื่อ 12,500 ราย รักษาการจ้างงาน 37,500 ตำแหน่ง และสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ 41,300 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังช่วยกระตุ้นตลาดรถเชิงพาณิชย์ที่ซบเซาให้กลับมาเติบโตได้อีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตลอดปีนี้
  2. ผู้ประกอบการรายย่อย/กลุ่มเปราะบาง ผู้ที่เริ่มทำธุรกิจ อาชีพอิสระ ภายใต้โครงการค้ำประกันที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการกลุ่ม Micro SMEs ให้ครอบคลุมมากที่สุด ได้แก่   
    • โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 “บสย. SMEs สร้างโอกาส” โครงการล่าสุดร่วมกับสถาบันการเงินของรัฐ มุ่งช่วย SMEs ที่ไม่เคยเข้าถึงสินเชื่อในระบบ วงเงินโครงการ 2,000 ล้านบาท ค้ำประกันไม่เกิน 20,000 บาทต่อราย และโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 “บสย. SMEs มีทุน” อีกโครงการล่าสุด มุ่งช่วย SMEs รายย่อย อาชีพอิสระที่มีปัญหาเข้าถึงสินเชื่อในระบบ วงเงินโครงการ 2,000 ล้านบาท ค้ำประกันไม่เกิน 50,000 บาทต่อราย รวม 2 โครงการ คาดว่าจะช่วย SMEs เข้าถึงสินเชื่อในระบบไม่ต่ำกว่า 200,000 ราย
    • โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 บสย. SMEs Small Biz และโครงการ PGS 11 บสย. SMEs Smart Gen ให้ความช่วยเหลือต่อเนื่อง สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็ก หรือขนาดกลางที่มีศักยภาพ ต้องการขยายธุรกิจด้วยวงเงินสินเชื่อที่สูงขึ้น
    • โครงการ PGS 11 บสย. SMEs No One Left Behind และ โครงการ PGS 11 บสย. SMEs Smart Build ตอบโจทย์ SMEs ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ จากเหตุการณ์หรือในภาวะที่ไม่ปกติ อาทิ อุทกภัย และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ
  3. ผู้ประกอบการที่มุ่งเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี หรือปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต เพื่อมุ่งสู่เศรษฐกิจ สีเขียว ผ่านโครงการ PGS 11 บสย. SMEs Smart Green
  4. ผู้ประกอบการใน 8 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไปสู่อนาคต ผ่านโครงการ PGS 11 บสย. SMEs Ignite Biz และ บสย. SMEs Ignite One
  5. ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด และอยู่ระหว่างฟื้นตัว เป็นกลุ่มที่ต้องการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง โดย บสย. ให้ความช่วยเหลือต่อเนื่องผ่าน 2 โครงการ ได้แก่
    • โครงการค้ำประกันสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ร่วมกับสถาบันการเงินของรัฐ โครงการใหม่ล่าสุด วงเงิน 20,000 ล้านบาท มุ่งช่วย SMEs รายเล็กทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ที่มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 3% ต่อปี และอัตราค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 2% ต่อปี ผู้ประกอบการ SMEs รับภาระอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมค้ำประกันเริ่มต้นเพียง 6% ต่อปี
    • โครงการ PGS 11 บสย. SMEs Smart One ให้ความช่วยเหลือต่อเนื่อง สำหรับ SMEs ทั่วไปที่ต้องการสินเชื่อสำหรับขยายกิจการ หรือเสริมสภาพคล่อง
  6. ผู้ประกอบการที่ฟื้นตัวจากโควิด และต้องการขยายกิจการ โดย บสย. เดินหน้าให้ความช่วยเหลือ          ผ่าน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการค้ำประกันสินเชื่อ อัตราค่าธรรมเนียมตามความเสี่ยง (Risk-Based Pricing) และโครงการรายสถาบันการเงินระยะที่ 7

นายสิทธิกร กล่าวว่า ตลอดปี 2568 บสย. ยังเดินหน้ายกระดับองค์กร 4 มิติ เพื่อเตรียมความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง มุ่งเพิ่มศักยภาพในการช่วยเหลือ SMEs ในประเทศไทย เพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กรที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการ SMEs ทุกกลุ่ม ตามพันธกิจและวิสัยทัศน์ของ บสย. “SMEs’ Gateway” ศูนย์กลางเชื่อมโยงเงินทุนและโอกาสให้แก่ SMEs เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน 

Exit mobile version