Onlinenewstime.com : สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ร่วมกับ Messe Frankfurt GmbH ผู้จัดบิ๊กอีเวนท์ระดับโลก หนุนผู้ประกอบการไทย ร่วมงานสุดยิ่งใหญ่ Heimtextil แหล่งรวมผลิตภัณฑ์เคหะสิ่งทอที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมัน ส่องตลาด ศึกษาเทรนด์ พร้อมแนะสิ่งทอเพื่อความยั่งยืนตอบโจทย์ผู้บริโภคปัจจุบัน หวังสร้างโอกาสกลุ่มเคหะสิ่งทอไทย ตั้งเป้าขยายฐานการส่งออกสู่ตลาดโลก
ดร.ชาญชัย สิริเกษมเลิศ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ เปิดเผยว่า กลุ่มเคหะสิ่งทอ หรือสินค้าสิ่งทอเพื่อการตกแต่งบ้าน อาทิ ผ้าม่าน ผ้าปูโต๊ะ ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน พรม เป็นต้น ปัจจุบันกลุ่มสินค้าดังกล่าวของผู้ประกอบการไทย สามารถผลิตได้ครบวงจร มีทั้ง ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ และเป็นสินค้าที่มีมาตรฐาน มีฟังก์ชั่น เช่น สะท้อนน้ำ กันลามไฟ ปกป้องรังสียูวี ทั้งยังออกแบบสวยงาม ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ
เจาะตลาดยุโรปด้วยแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน
ในขณะที่ความต้องการของตลาดก็มีปริมาณเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดยุโรป ซึ่งการจะเจาะตลาดได้นั้น ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม หากมีการนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์ การเลือกใช้วัสดุและเส้นใยธรรมชาติ หรือการใช้วัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ การรีไซเคิล การย่อยสลายได้ กระบวนการผลิตต้องไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ รวมทั้งมีการบริหารจัดการขยะและของเสียอย่างเป็นระบบ
สำหรับมูลค่าการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทยไปตลาดสหภาพยุโรปเมื่อปี 2566 มีมูลค่า 602.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 17.2 เมื่อเทียบกับปี 2565 ด้านมูลค่าการนำเข้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทย เมื่อปี 2566 มีมูลค่า 429.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.5 เมื่อเทียบกับปี 2565
นี่จึงเป็นโอกาสสำคัญในการเร่งผลักดันให้กลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอในประเทศไทยเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเคหะสิ่งทอในตลาดยุโรป เพื่อโชว์ศักยภาพเพิ่มการส่งออก รวมทั้งเร่งเปิดตลาดเพื่อสร้างโอกาสทางการค้าให้เติบโตมากยิ่งขึ้น
สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ในฐานะหน่วยงานเครือข่ายของกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ จึงได้ร่วมกับ Messe Frankfurt GmbH หนึ่งในผู้นำการจัดงานแสดงสินค้าระดับโลก เร่งสนับสนุน ผู้ประกอบการ สิ่งทอภาคอุตสาหกรรม และ SME ไทย เข้าร่วมเปิดตลาดและสร้างโอกาสทางการค้าในงาน Heimtextil
พร้อมยื่นเรื่องขอรับสิทธิ์การสนับสนุนค่าใช้จ่ายด้านการ ออกบูธต่าง ๆ ภายใต้โครงการ SMEs Pro-active: จากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และ โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS : Business Development Service จากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) โดยมีสถาบันฯ ช่วยดำเนินงานอย่างเต็มที่ ดร.ชาญชัย กล่าว
Heimtextil แหล่งรวมสินค้าสิ่งทอระดับโลก พร้อมเทรนด์ใหม่ตอบโจทย์ความยั่งยืน
นายโอลาฟ ชมิด รองประธานฝ่ายสิ่งทอและเทคโนโลยีสิ่งทอ เมสซี่ แฟรงก์เฟิร์ต เอ็กซิบิชั่น จีเอ็มบีเอช กล่าวว่า Messe Frankfurt Group เป็นองค์กรการจัดงานแสดงนิทรรศการ สินค้า การประชุม และกิจกรรมชั้นนำของโลก และเป็นผู้จัดงาน Heimtextil งานแสดงสินค้าเคหะสิ่งทอที่ใหญ่ที่สุดและทรงอิทธิพลมากที่สุดในเยอรมัน
ภายในงานมีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์รวม 16 ฮอลล์ โดยมีผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่เส้นใย เส้นด้าย ผ้าสำหรับตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ สิ่งทอสำหรับห้องนอน ห้องน้ำ ของใช้บนโต๊ะ วอลเปเปอร์ พรม และผ้ากันแดด
นอกจากความน่าสนใจของผลิตภัณฑ์ต่างๆ แล้ว ในงานนี้ยังได้รับความร่วมมือจาก 2 พันธมิตร มีการนำเสนอจาก Trend 25/26 เป็นครั้งแรก โดย Alcova ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มการออกแบบจากมิลาน มุ่งเน้นด้านความยั่งยืน และความก้าวหน้าเพื่อให้ทันยุคสมัย และพันธมิตรที่ 2 คือ Studio Urquiola ที่จะมาร่วมเปิดประสบการณ์การออกแบบสิ่งทอและโซลูชั่นที่ล้ำสมัยภายใต้ชื่อ among us
นอกจากนี้ ภายในงาน ประกอบด้วย องค์ความรู้ต่าง ๆ ที่น่าสนใจและทันต่อเหตุการณ์ อาทิ การพัฒนาและความท้าทายที่กระทบอุตสาหกรรมสิ่งทอโลก การจัดโปรแกรมเฉพาะสำหรับภาคการค้าปลีก
อีกทั้งยังมีการเชื่อมโยงข้อมูลและเครือข่ายแห่งความยั่งยืน โดยการพัฒนานวัตกรรมใหม่ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และลดต้นทุนการผลิต พร้อมนำเสนอแก่ผู้เข้าร่วมแสดงสินค้า ผู้เข้าชมงาน และพันธมิตรในงานแสดงสินค้ามากกว่า 50 งานทั่วโลก โดยในปีนี้กำหนดจัดงาน Heimtextil ในวันที่ 14-17 มกราคม 2568 รวม 4 วัน ณ เมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี โดยมีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้ากว่า 2,900 บริษัท จาก 60 ประเทศ
นอกจากงานดังกล่าว Messe Frankfurt ยังมีงานแสดงสินค้าที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสิ่งทออีกมากมาย เช่น Intertextile Shanghai Home Textile ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน งาน VIATT ณ ประเทศเวียดนาม Heimtextil ณ สาธารณรัฐอุซเบกิสถาน งาน Techtextil & Texprocess ณ เยอรมณี และ JIAM ณ ประเทศญี่ปุ่น โดยที่เตรียมจะผลักดันผู้ประกอบการเข้าร่วมอีกด้วย นับเป็นโอกาสในการเปิดตลาดของ ภาคอุตสาหกรรมและ SME เคหะสิ่งทอของไทย ในการขยายฐานการส่งออกสู่ตลาดโลกได้ในอนาคต