Site icon Onlinenewstime.com – News and Knowledge to sustainability

สมาคมธนาคารไทย ยืนยันแอปฯ ธนาคารปลอดภัยมีเสถียรภาพ ต้องสแกนหน้าเมื่อโอนเงินเกิน 50,000 บาท ทุกครั้ง  

สมาคมธนาคารไทย โดยศูนย์ประสานงานด้านความมั่นคงปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศภาคการธนาคาร (TB-CERT) รับทราบเรื่องและได้ตรวจสอบระบบของภาคธนาคารแล้ว ขอชี้แจงดังนี้ 

1. โปรแกรมดังกล่าว ไม่สามารถใช้กับบัญชีลูกค้าทั่วไปได้  เนื่องจากโปรแกรมจะใช้งานได้ จะต้องมีข้อมูลของเจ้าของบัญชีทั้งหมด  ทั้งข้อมูลส่วนบุคคล คือ เลขที่บัญชีธนาคาร หมายเลขบัตรประชาชน  ซิมโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์ที่ใช้กับโมบายแบงกิ้ง ข้อมูลการยืนยันตัวตน ทั้ง รหัส PIN โมบายแบงกิ้ง  รหัสผ่านใช้งานครั้งเดียว (OTP) และการสแกนใบหน้า

จากกรณีที่เป็นข่าว พบว่า มิจฉาชีพได้ใช้โปรแกรมนี้ อำนวยความสะดวกในการโอนเงินจากบัญชีม้า โดยความยินยอมของเจ้าของบัญชีม้า ทำให้มิจฉาชีพสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของบัญชีทั้งหมด จึงทำรายการได้

2. การโอนเงินตั้งแต่ 50,000 บาท ต่อครั้ง และ 200,000 บาท ต่อวัน ยืนยันว่า ยังต้องยืนยันตัวตนโดยสแกนใบหน้า  ซึ่งธนาคารมีระบบตรวจสอบความถูกต้องของการสแกนใบหน้า ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด

โดย กรณีของมิจฉาชีพรายนี้ พบว่า เป็นการหลบเลี่ยงรายการโอนเงิน เพื่อไม่ให้เข้าเงื่อนไขสแกนใบหน้า 

3. ระบบโมบายแบงกิ้งของทุกธนาคารมีความปลอดภัย และมีเสถียรภาพ  ธนาคารพาณิชย์ให้ความสำคัญกับระบบความปลอดภัยของผู้ใช้งาน โดยมีการลงทุนพัฒนายกระดับความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การใช้งานโมบายแบงกิ้งเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพและปลอดภัย จึงขอให้ลูกค้าประชาชนมั่นใจว่า ระบบโมบายแบงกิ้งของทุกธนาคารมีความปลอดภัยสูง

สมาคมธนาคารไทย และธนาคารสมาชิก ตระหนักถึงภัยทางการเงินที่มีความซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้น โดยให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงิน และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า

พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อกำหนดแนวทางการป้องกันและจัดการภัยทางการเงินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้ง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สำนักงานป้องกันและปราบปราบการฟอกเงิน (ปปง.) และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อให้สามารถบริหารจัดการภัยทางการเงินได้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

สำหรับมาตรการในการแก้ปัญหาบัญชีม้า สมาคมธนาคารไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการขยายผลอย่างต่อเนื่องเพื่อเอาผิดกับผู้กระทำผิด ซึ่งเจ้าของบัญชีม้า หรือเบอร์ม้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชกำหนด มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 

อย่างไรก็ตาม ลูกค้าและประชาชน ควรต้องติดตามข้อมูลและปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันภัยทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความเสี่ยงการตกเป็นเหยื่อจากมิจฉาชีพ ดังนี้

หากพบธุรกรรมผิดปกติหรือมีข้อสงสัย ขอให้ติดต่อคอลเซ็นเตอร์หรือสาขาของธนาคารที่ลูกค้าใช้งานทันที เพื่อแจ้งตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของธุรกรรม โดยธนาคารจะดูแลแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด หรือ แจ้งไปยังสายด่วน 1441 ของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ ที่พร้อมให้คำปรึกษาและแก้ปัญหาภัยออนไลน์ 

ทั้งนี้  ขอแจ้งเตือนไปยังเจ้าของบัญชีที่ยินยอมให้มิจฉาชีพนำบัญชีของตนไปใช้เป็นบัญชีม้าว่า ขณะนี้สมาคมธนาคารไทยกำลังประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการดำเนินการขยายผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อดำเนินการทางคดีกับผู้กระทำความผิดตาม พระราชกำหนด มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ซึ่งระบุว่า เจ้าของบัญชีม้า หรือเบอร์ม้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

สมาคมธนาคารไทย

8 พฤศจิกายน 2566

Exit mobile version