Site icon Onlinenewstime.com – News and Knowledge to sustainability

ประกันภัยไทยวิวัฒน์ วางเป้าใหญ่ปี 68 เน้นย้ำองค์กร นวัตกรรมแห่งความยั่งยืน เติบโตควบคู่ธุรกิจ

Onlinenewstime.com : บมจ.ประกันภัยไทยวิวัฒน์ มุ่งมั่นสู่ความเป็นองค์กรด้านนวัตกรรมแห่งความยั่งยืนเติบโตควบคู่ธุรกิจ วางเป้าหมายใหญ่ปี 2568 ภายใต้แนวคิด “Beyond Insurance มากกว่าการประกันภัย” ชู Big Goal ให้คนไทยเข้าถึงการประกันภัยมากยิ่งขึ้น

ตั้งเป้าเติบโตถึง 2 หลัก โดยมีเป้าหมายรายได้ของปี 2568 นี้ที่ 8,500 ล้านบาท พร้อมนำหลัก ESG ผสานการดำเนินธุรกิจอย่างครอบคลุม ด้วยการสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยอย่างยั่งยืน ผ่านการดำเนินงานด้านสังคม เยาวชนและการศึกษา สิ่งแวดล้อม พร้อมผนึกองค์กรพันธมิตรเดินหน้าขับเคลื่อนและยกระดับการทำงาน ล่าสุดจัดงาน Road to Sustainability ชูองค์กรที่ให้ความสำคัญด้านความยั่งยืนในทุกมิติ

นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้าน InsurTech ของไทย กล่าวว่า ประกันภัยไทยวิวัฒน์มุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจตามกรอบ ESG ที่คำนึงถึงการดูแลสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคมและชุมชน (Social) รวมถึง ธรรมาภิบาลที่ดี (Governance)

โดยเน้นการพัฒนานวัตกรรมประกันภัยเพื่อความยั่งยืนเป็นหัวใจหลัก ภายใต้แนวคิด “Beyond Insurance มากกว่าการประกันภัย” ด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการด้านการประกันภัยใหม่ ๆ ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการและรองรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้บริโภคไปพร้อมกับการสร้างสรรค์สังคมที่ดีกว่า

สำหรับแผนธุรกิจในปี 2568 ตั้งเป้าหมายใหญ่เพื่อผลักดันให้คนไทยเข้าถึงการประกันภัยมากยิ่งขึ้น เพราะเราเชื่อว่าการประกันภัยไม่ใช่แค่เรื่องของความคุ้มครอง แต่เป็นพื้นฐานของการวางแผนอนาคตที่ดี ไทยวิวัฒน์จึงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมที่ช่วยให้คนไทยเข้าถึงประกันภัยได้ง่ายขึ้น จ่ายเบี้ยประกันที่เหมาะสมกับความเสี่ยงของแต่ละไลฟ์สไตล์ พร้อมสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมควบคู่กันไป 

ด้วยการยกระดับการพัฒนานวัตกรรมประกันภัย ทั้งกลุ่ม Motor และ Non – Motor ในรูปแบบของ Digital Product ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละท่าน และ Digital Service ที่เพิ่มศักยภาพในการให้บริการโดยไม่เพิ่มต้นทุน ควบคู่ไปกับขยายความร่วมมือกับพันธมิตรรายใหม่ ๆ และเพิ่มช่องทางการเข้าถึงการประกันภัยที่สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าผลักดันเบี้ยรับรวมโตทะลุ  8,500 ล้านบาท

ด้าน นายเทพพันธ์ อัศวะธนกุล รองกรรมการผู้อำนวยการ กล่าวต่อว่า “นอกเหนือจากการมุ่งพัฒนานวัตกรรม เพื่อใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค สร้างความสะดวกในการที่จะทำให้คนไทยเข้าถึงการประกันภัยได้มากยิ่งขึ้น และการบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้เอาประกันอย่างไร้รอยต่อ บริษัทฯยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ด้วยการดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อสังคมที่ยั่งยืนโดยเน้นส่งเสริมใน 3 ด้านดังนี้”

ด้านสังคม– ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านการประกันภัย พร้อมเพิ่มช่องทางการขายเพื่อให้คนไทยเข้าถึงการประกันภัยได้ง่ายและสะดวกขึ้น โดยผลิตภัณฑ์ที่โดนเด่นและยังไม่มีบริษัทประกันวินาศภัยใด ๆ ในประเทศสามารถนำเสนอต่อคนไทยได้คือ

การประกันรถเปิดปิด นวัตกรรมประกันภัยรถยนต์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้เอาประกันภัย ผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ช่วยให้ผู้เอาประกันภัยสามารถประหยัดค่าเบี้ยประกันได้สูงสุดถึง 80% และยังให้ความคุ้มครองตลอด 24 ชั่วโมงเหมือนเดิม ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงการประกันภัยได้ในราคาที่สมเหตุสมผล นอกจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจผู้บริโภคแล้ว

ล่าสุดทางบริษัทได้พัฒนาเพิ่มฟีเจอร์ใหม่สำหรับการประกันรถเปิดปิด คือ “รถติด ไม่คิดเบี้ย” ตอบโจทย์คนเมืองใช้รถ โดยขณะรถติดก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าเบี้ยประกัน ซึ่งหลังจากมีการเปิดตัวได้ทำการคืนชั่วโมงความคุ้มครองให้กับลูกค้าแล้วกว่า 4 ล้านนาที และเพื่อเป็นการส่งต่อสิ่งดี ๆ คืนสู่สังคม

ทางบริษัทยังได้ริเริ่มโครงการ Thaivivat Caring Forward คิดเผื่อเพื่อสังคม ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของการทำประกันภัยที่สามารถช่วยเหลือสังคมได้ เพียงลูกค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการขับรถปลอดภัย ผ่าน Application Thaivivat นอกจากผู้เอาประกันภัยจะได้รับส่วนลดค่าเบี้ยประวัติดีตอนต่ออายุประกันภัยแล้ว

บริษัทฯ ยังมอบสิ่งดี ๆ เพิ่มให้กับผู้เอาประกันภัยที่ขับรถปลอดภัย โดยบริจาคเงินในนามผู้เอาประกันภัยกับมูลนิธิเพื่อสังคมที่ผู้เอาประกันได้ลงทะเบียนไว้ ซึ่งผู้เอาประกันจะได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากยอดเงินบริจาคนี้

ซึ่งจากการเปิดตัวเพียง 4 เดือน มีผู้เอาประกันภัยให้ความสนใจเป็นจำนวนมากถึง 10,000 กรมธรรม์ ทางบริษัทจึงมีการขยายระยะเวลาการลงทะเบียนถึง 31 ธันวาคม 2568  เพื่อให้ผู้เอาประกันภัยที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนผ่าน Application Thaivivat ได้มีส่วนร่วมในการทำความดีคืนสู่สังคมได้มาขึ้น

ด้านเยาวชนและการศึกษา – ทางบริษัทเชื่อว่าการพัฒนาด้านการศึกษาและการเพิ่มศักยภาพให้กับเยาวชนถือเป็นรากฐานและแนวทางขับเคลื่อนการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาวของประเทศ บริษัทฯจึงได้ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สนับสนุนโครงการ “โรงเรียนร่วมพัฒนา”หรือ Partnership School 

เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยให้ทัดเทียมกับนานาชาติ เปิดโอกาสให้เยาวชนไทยพัฒนาตนเอง และเตรียมความพร้อมเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยในความร่วมมือครั้งนี้ นอกจากทางบริษัทให้สนับสนุนด้านทุนการศึกษาแล้ว 

ทางบริษัทยังได้สนับสนุนในการเพิ่มทักษะภาษาอังกฤษให้นักเรียนและครู พร้อมวางระบบดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้แบบ Smart e-Learning Innovation ในโรงเรียนที่ทางกระทรวงศึกษาธิการคัดเลือกให้เข้าโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนาในแต่ละจังหวัด โดยทางบริษัทได้เป็นผู้สนับสนุน 5 โรงเรียนใน 5 จังหวัด ซึ่งประกอบด้วย จังหวัดพัทลุง จังหวัดสตูล จังหวัดระนอง จังหวัดยโสธร และ จังหวัดพะเยา

นอกจากโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนาแล้ว ทางบริษัทยังได้ส่งเสริมด้านนวัตกรรมให้กับเด็กและเยาวชน ผ่านโครงการ Thaivivat Innovation Awards โครงการประกวดนวัตกรรมประกันภัยสร้างสรรค์ ที่เปิดโอกาสให้เยาวชนคิดและนำเสนอไอเดียในการพัฒนาประกันภัยเพื่อจัดการความเสี่ยงในสังคมและสิ่งแวดล้อม

โดยมีองค์ประกอบของ  IoT, AI, Big Data และ Lifestyle ในผลงาน ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 และมีน้อง ๆ ให้ความสนใจและเข้าร่วมการแข่งขันมากกว่า 1,500 คน จากสถาบันการศึกษากว่า 100 สถาบัน ทั้งในกรุงเทพปริมณฑลและในภูมิภาค โดยโครงการที่ได้นำเสนอเข้ามาแข่งขันใน โครงการ Thaivivat Innovation Awards ถึงปัจจุบันมี กว่า 300 โครงการ

ด้านสิ่งแวดล้อม  –  เพราะทางบริษัททราบดีว่าความยั่งยืนนั้นไม่ใช่แค่เรื่องการประกอบธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่การดูแลโลกของเราให้คนรุ่นต่อไปก็เป็นสิ่งที่ทุกองค์กรต้องให้ความใส่ใจ บริษัทฯ จึงนำแนวคิดที่จะนำ Greenovation และ Digital Transformationมาใช้เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

โดยริเริ่มการดำเนินงานจากภายในองค์กรผ่านโครงการ Thaivivat Greenovation เปลี่ยนโลกด้วยนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนสร้างความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมภายในองค์กรให้กับพนักงาน เปลี่ยนของใช้มาเป็นของใช้ที่สามารถนำมารีไซเคิลต่อได้ อาทิ ของชำร่วย ยูนิฟอร์มพนักงาน รวมถึงน้ำดื่มของบริษัทและส่งเสริมการแยกขยะให้ถูกวิธีมาเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันเรื่องความยั่งยืนภายในองค์กรเพราะต้องการจุดประกายและส่งเสริมให้พนักงานได้ตระหนักและหันมาให้ความสำคัญจากเรื่องใกล้ตัว

อีกทั้งยังมีการดำเนินงานด้าน Digital Transformation ผ่านการใช้งานบน Thaivivat Application เพื่อลดการใช้พลังงานและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อาทิ การใช้เทคโนโลยี AI ตรวจสภาพรถก่อนทำประกัน เพื่อลดการขับขี่ส่งเสริมการลดการปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์, ลดการใช้กระดาษด้วยการออกกรมธรรม์แบบ e-Policy รวมถึงการเคลมประกันผ่าน e-Claim โดยไม่ต้องใช้เอกสารและลดการเดินทางของพนักงานในการตรวจสอบความเสียหายที่เกิดกับทรัพย์สินที่เอาประกัน

และล่าสุดในฐานะองค์กรนวัตกรรมแห่งความยั่งยืน ทางบริษัทได้จับมือกับพันธมิตรคนสำคัญ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)  หรือ AIS  ร่วมลงนามความร่วมมือ (MOU) ในโครงการ ‘คนไทยไร้ E-Waste’ ตั้งจุดทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมขยายผลกับสถานศึกษาหรือโรงเรียนที่ใกล้เคียงเพื่อผลักดันการทิ้งและการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี

พร้อมส่งเสริมการสร้างองค์ความรู้ให้คนไทยตระหนักถึงปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ล้นโลก จึงเดินทางร่วมเป็นหนึ่งใน Ecosystem ในการบริหารจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์รวมถึงสร้างกระบวนการจัดเก็บเพื่อให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลแบบ Zero Landfill ตามมาตรฐานสากล โดยมี คุณสายชล ทรัพย์มากอุดมหัวหน้าหน่วยธุรกิจประชาสัมพันธ์และงานธุรกิจสัมพันธ์ AIS เป็นผู้ร่วมลงนาม 

พร้อมกันนี้ ยังได้จับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งดำเนินธุรกิจที่หลากหลายอุตสาหกรรมและมีสาขาทั่วโลก บริษัท อิโตชู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ITOCHU Corporation) แห่งประเทศญี่ปุ่น เพื่อร่วมผลักดันและพัฒนาสร้างสรรค์นวัตกรรมประกันภัย ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย

เพื่อให้โอกาสคนไทยได้เข้าถึงการประกันภัยได้มากขึ้นอันจะเป็นการสร้างสังคมแห่งความยั่งยืนในอนาคต พร้อมกันนั้นยังเป็นการตอบสนองนโยบายของภาครัฐที่ส่งเสริมให้มีการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศให้มากขึ้น อันเป็นส่วนสำคัญในการเร่งการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยมี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ บริษัท อิโตชู ประเทศไทย จำกัด (ITOCHU Thailand) คุณมิสึอากิ ทานากะ (Mr. Mitsuaki Tanaka) ร่วมเป็นเกียรติภายในงานในวันนี้

Exit mobile version