Site icon Onlinenewstime.com – News and Knowledge to sustainability

วัตสัน ประเทศไทย เผยแผนดำเนินธุรกิจปี 2566 ชูกลยุทธ์ O+O สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งไร้รอยต่อ

Pasitt Munkongkuntivong-Nuanphan Jayanama watsons

Onlinenewstime.com : วัตสัน ผู้นำร้านเพื่อสุขภาพและความงาม อันดับหนึ่งของประเทศไทย มุ่งเน้นกลยุทธ์การตลาดแบบสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งออฟไลน์และออนไลน์ (O+O) แบบไร้รอยต่อในปี 2566 ด้วยการยกระดับเครือข่ายที่ครอบคลุม สานต่อความร่วมมือที่แข็งแกร่งกับพาร์ทเนอร์ รวมถึงมอบสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มมากขึ้นให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะซื้อของจากทางหน้าร้าน หรือทางออนไลน์

O+O เป็นกลยุทธ์ที่วัตสัน ใช้ในทุกตลาดทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย ที่กำลังมุ่งหน้าสู่ 14 ล้าน Ecosystem บนแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าผ่านช่องทางใดก็ได้ ทุกที่ และทุกเวลาได้อย่างไร้รอยต่อ

ตามมาด้วย การเปิดตัว “โปรโมเชื่อม” ในเดือนเมษายน ซึ่งถือว่าเป็นโปรโมชั่น ที่วัตสันออกแบบมา เพื่อเชื่อมต่อโปรโมชั่นในการช้อปปิ้งออนไลน์และออฟไลน์ สำหรับสมาชิกวัตสัน คลับ ที่ซื้อสินค้าในช่องทางออนไลน์ จะได้รับส่วนลดเพิ่มอีก 5% เมื่อช้อปสินค้าที่หน้าร้านวัตสันในเดือนเดียวกัน และเช่นเดียวกัน หากสมาชิกซื้อสินค้าที่หน้าร้านก่อน ก็จะได้รับส่วนลดเพิ่มอีก 5% เมื่อซื้อสินค้าทางออนไลน์ในเดือนเดียวกัน

นายพสิษฐ์ มั่นคงขันติวงศ์ กรรมการผู้จัดการ วัตสัน ประเทศไทย กล่าวว่า “เราตระหนักดีว่า พฤติกรรมของลูกค้าได้เปลี่ยนไปแล้ว และการปรับเปลี่ยนวิธีที่เราให้บริการลูกค้าทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ คือ กุญแจสู่ความสำเร็จของเรา โดยกลยุทธ์แพลตฟอร์ม O+O ถือเป็นรูปแบบธุรกิจและกลยุทธ์หลักของเรา

ซึ่งในปีนี้เรามีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ลูกค้าสามารถช้อปกับเราได้ในทุกสถานการณ์ รวมถึงลูกค้าต้องสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด ในราคาที่ดีที่สุด ในทุกๆ ครั้งของการช้อปปิ้ง และแม้ว่าการกลยุทธ์ O+O หมายถึงเรามีสองช่องทาง

แต่เราเห็นว่าลูกค้าคนเดียวกันของเรา จะซื้อสินค้าทั้งจากทางออนไลน์และหน้าร้านนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการ เวลา หรือสถานที่ ในขณะนั้น ซึ่งหมายความว่าเราต้องมอบสิทธิประโยชน์ที่เท่ากันให้กับลูกค้าแต่ละราย และ “โปรโมเชื่อม” จะเป็นการมอบสิทธิประโยชน์ให้แก่ลูกค้าที่ซื้อสินค้าทั้งสองช่องทางของเราได้อย่างทั่วถึง”

“จากข้อมูลของเรา พบว่า การมีช่องทางออนไลน์ไม่ได้ส่งผลให้ยอดขายหน้าร้านลดลง ในทางกลับกัน ลูกค้าที่ช้อปปิ้งทั้งทางออนไลน์และหน้าร้านมีการใช้จ่ายมากกว่าลูกค้าที่ซื้อหน้าร้านอย่างเดียว ถึง 3 เท่า”

การพัฒนากลยุทธ์แพลตฟอร์ม O+O ของวัตสัน ได้รับการผลักดันจากการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางธุรกิจทั่วประเทศ โดยในปี 2566 วัตสันวางแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่มอีก 50 สาขา รวมถึงตั้งคลังสินค้าแห่งใหม่ที่วังน้อย จังหวัดอยุธยา ซึ่งจะทำหน้าที่กระจายสินค้าให้กับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซโดยเฉพาะ

วัตสันยังคงพัฒนาบทบาทในฐานะผู้นำร้านเพื่อสุขภาพและความงามอันดับหนึ่งของประเทศไทยต่อไป เพื่อตอบรับความต้องการของสมาชิกและลูกค้าทั่วประเทศ ด้วยผลิตภัณฑ์ของวัตสันเอง ตลอดจนการสานต่อความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ เพื่อนำเสนอโปรโมชั่นที่น่าสนใจให้กับลูกค้า โดยในเดือนมีนาคม วัตสันได้เปิดตัว Dermaction Plus Solar Barrier ผลิตภัณฑ์เวชสำอางกันแดด ซึ่งเป็นแบรนด์ของวัตสันเอง เพื่อช่วยให้คนไทยปกป้องผิวจากแสงแดดและคลื่นความร้อนได้อย่างครอบคลุม

ในปีนี้วัตสันจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายซึ่งเป็นแบรนด์ของวัตสันเอง รวมถึงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเวชสำอางเพิ่มเติม วัตสันจะยังคงสานต่อความร่วมมือกับคู่ค้าผ่านแคมเปญส่งเสริมการขาย และแคมเปญส่งเสริมด้านความยั่งยืนตลอดทั้งปี

สมาชิกวัตสัน คลับ กว่า 8 ล้านคน ได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จากแพลตฟอร์มวัตสัน O+O แล้ว โดยตอนนี้สมาชิกสามารถสัมผัสกับประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ที่ราบรื่น ในราคาที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน และสามารถสะสม หรือใช้คะแนนได้เหมือนกันทั้งสองช่องทาง

นอกจากนี้ วัตสันยังสามารถเสนอตัวเลือกสินค้าที่โดนใจให้แก่สมาชิกจากความชอบและการซื้อที่ผ่านมา อีกทั้งสมาชิกยังมีสิทธิ์ในการเข้าร่วมกิจกรรม และร่วมเวิร์กช้อปสุดพิเศษที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนอีกด้วย

วัตสันสนับสนุนความยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับโลก ลูกค้า ผู้คน และชุมชน โดยจากการสำรวจ[1]ในปี 2565 พบว่าคนไทยกว่า 60% ให้ความสำคัญกับสินค้าที่เป็นมิตรกับโลก และวัตสันได้เล็งเห็นความสำคัญนี้ โดยได้มีการปรับใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกรีไซเคิล (PCR plastic หรือ Post-Consumer Recycled material) และใช้กระดาษที่ได้รับการรับรองจาก FSC* ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอน  รวมถึงเพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่ยั่งยืนสำหรับลูกค้า โดยปัจจุบันลูกค้ามีตัวเลือกมากถึง 1,800 รายการ รวมทั้งออกผลิตภัณฑ์แบบรีฟิล และลดการใช้บรรจุภัณฑ์ได้

นายพสิษฐ์ กล่าวเสริมอีกว่า “วัตสันยังคงให้การสนับสนุนเพื่อนพนักงานและคนในชุมชนต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เราให้ความสำคัญกับความเท่าเทียม ความหลากหลายของผู้คนในองค์กร และการมีส่วนร่วมในกลุ่มพนักงานของเรา ทำให้พนักงานมั่นใจได้ว่าทุกคนมีโอกาสในการเติบโต โดยไม่มีผลกระทบจากปัจจัยด้านภูมิลำเนา ความคิดเห็น หรือความเชื่อที่แตกต่าง

นอกจากนี้เรายังให้การสนับสนุนสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ หรือ บ้านพักฉุกเฉินอย่างต่อเนื่องมาแล้วกว่า 20 ปีเพื่อส่งเสริมให้เกิดความเท่าเทียมทางเพศในสังคม  รวมถึงการร่วมมือกับองค์กรระดับโลกเพื่อตอบแทนสังคม ยกตัวอย่างเช่นโครงการ Give a Smile ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างวัตสันและมูลนิธิสร้างรอยยิ้ม (Operation Smile)

เพื่อสนับสนุนการผ่าตัดให้กับเด็กปากแหว่งเพดานโหว่ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้พันธมิตรคู่ค้าและผู้บริโภคทุกคนมั่นใจได้ว่าวัตสันยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมอยู่เสมอ ทั้งยังมุ่งมั่นตามวิสัยทัศน์ “Put a smile on customer’s faces today and tomorrow” เพื่อให้ลูกค้าและสังคมของเรามีความสุขและเต็มไปด้วยรอยยิ้มในวันนี้และทุกๆ วัน”

[1] https://www.statista.com/statistics/1321023/thailand-willingness-to-pay-more-for-sustainable-products/

Exit mobile version