fbpx
News update

กรมพัฒน์ฯ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและรับฟังข้อเสนอแนะจากผู้ประกอบการชุมชน

Onlinenewstime.com : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ตรวจเยี่ยมและรับฟังข้อเสนอแนะ ความต้องการแนวทางความช่วยเหลือและรูปแบบการส่งเสริมผู้ประกอบการชุมชน ให้มีความเข้มแข็ง

ประกอบด้วย ‘ธุรกิจค้าส่งค้าปลีก’ ‘ร้านอาหาร Thai SELECT’ และ ‘OTOP Selectพร้อมนำข้อเสนอแนะ มาจัดทำโรดแมพแนวทางความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม เห็นกับตา..ผู้ประกอบการชุมชนยิ้ม..ยอดขายพุ่ง…หลังร่วมโครงการของรัฐบาล ‘คนละครึ่ง’ ‘ช้อปดีมีคืน’ ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ และ ‘บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’ บอก..ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากได้จริง พร้อมวอนภาครัฐ..เสริมพลังผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง..เพื่อให้กลับมาเข้มแข็งอีกครั้งโดยเร็ว

นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า “รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ให้ความสำคัญ ในการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม ให้กำลังใจ และรับฟังข้อเสนอแนะ จากผู้ประกอบการโดยตรง เพื่อทราบถึงความต้องการที่แท้จริง ทั้งด้านการให้ความช่วยเหลือต่างๆ  รวมถึงแนวทางการส่งเสริมธุรกิจให้มีความเข้มแข็ง

ล่าสุดได้ลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยผู้บริหารกรมฯ เพื่อตรวจเยี่ยมและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับผู้ประกอบการชุมชน 3 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย ธุรกิจค้าส่งค้าปลีก (ศูนย์การค้า TMK Park) ธุรกิจร้านอาหาร (ที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT) (ร้านอาหารคีรีมันตรา) และธุรกิจสินค้าชุมชน OTOP Select (กันตะเบญจรงค์) ซึ่งทั้ง 3 กลุ่ม เป็นธุรกิจที่กรมฯ ให้การสนับสนุนส่งเสริมมาอย่างต่อเนื่อง”

“เบื้องต้นทั้ง 3 ธุรกิจ เป็นผู้ประกอบการ ที่เป็นคนพื้นเพในจังหวัดกาญจนบุรีตั้งแต่กำเนิด และดำเนินธุรกิจภายในจังหวัดมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เข้าใจถึงความต้องการของคนในท้องถิ่นเป็นอย่างดี

ขณะเดียวกัน ก็ได้รับการส่งเสริมความรู้ด้านการบริหารจัดการ และความรู้ด้านต่างๆ จากหน่วยงานภาครัฐ เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ฯลฯ เพื่อขยายกิจการและสร้างธุรกิจให้มีความเข้มแข็ง ทำให้มีการบริหารจัดการที่เป็นระบบ โดยได้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยใ นการบริหารจัดการร้านค้า ทำให้ช่วยลดต้นทุน/เพิ่มรายรับมากขึ้น”

อธิบดีฯ กล่าวต่อว่า “แต่ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมา ธุรกิจต่างก็ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก เช่น ธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีกมียอดขายลดลง มากกว่าร้อยละ 30 ธุรกิจร้านอาหาร ต้องปิดกิจการลงชั่วคราว และธุรกิจสินค้าชุมชนยอดขายลดลงมากกว่าร้อยละ 60

ซึ่งทั้ง 3 ธุรกิจได้ใช้การดำเนินธุรกิจ ตามแนวทางวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) เน้นตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างตรงจุด เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยการประกอบธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น เช่น รับคำสั่งซื้อสินค้าผ่านทางเว็บไซต์หรือสื่อโซเชียลมีเดียที่ได้จัดทำขึ้น และจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าแบบเดลิเวอร์รี่ การขายสินค้าผ่านทางเว็บไซต์ หรือ ผ่านตลาดกลางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Marketplace)

ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้เพิ่มขึ้น ทั้งลูกค้ารายเดิมและลูกค้ารายใหม่ รวมถึง มีการสร้างความร่วมมือ ในลักษณะเครือข่ายธุรกิจ กับธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่อง เพื่อเพิ่มยอดขายและสนับสนุนธุรกิจระหว่างกัน”

“ซึ่งหลังจากที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศเริ่มบรรเทาเบาบางลง รัฐบาลได้สร้างสรรค์โครงการต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ เช่น ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ ‘คนละครึ่ง’ ‘ช้อปดีมีคืน’ ฯลฯ รวมทั้งโครงการที่มีมาก่อน เช่น ‘บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’ ส่งผลให้ผู้ประกอบการร้านค้าต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการฯ มียอดขายสินค้า/บริการเพิ่มสูงขึ้น

ทำให้เศรษฐกิจในท้องถิ่น เกิดการหมุนเวียน ผู้ประกอบการเริ่มกลับมาจ้างงานคนในพื้นที่อีกครั้ง ซึ่งจากการพูดคุยกับผู้ประกอบการ ทำให้ทราบว่า ในจังหวัดกาญจนบุรีมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เป็นจำนวนมาก เนื่องจากกาญจนบุรีเป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ และอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานครมากนัก สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้โดยสะดวก ทั้งแบบค้างคืนและไป-กลับภายใน 1 วัน

โครงการต่างๆ ของรัฐบาล จึงสามารถตอบโจทย์ประชาช นและผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดี โดยหลังจากโครงการของรัฐบาลเดินหน้าไปได้ระยะหนึ่ง เห็นได้ชัดเจนว่าผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ มียอดขาย/บริการที่เพิ่มสูงขึ้น ประชาชนทั้งในพื้นที่ และนอกพื้นที่ มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการ เริ่มกลับมาลงทุนในกิจการของตนเองเพิ่มขึ้นอีกครั้ง”

“ทั้งนี้ ผู้ประกอบการ ต้องการให้รัฐบาลดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และต่ออายุโครงการออกไปอีก โดยเพิ่มเป็นเฟส 2 3 และ 4 จนกว่าเศรษฐกิจโดยรวม จะกลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน ต้องการให้หน่วยงานภาครัฐ ช่วยเสริมพลังให้ผู้ประกอบการท้องถิ่น โดยการจัดอบรม/สัมมนาให้ความรู้ด้านต่างๆ สนับสนุนเทคโนโลยีและดิจิทัลใหม่ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือ ที่ช่วยในการบริหารจัดการร้านค้าอย่างเป็นระบบ ร่วมกันพัฒนาช่องทางการตลาด ให้มีความหลากหลายเพื่อให้เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย

ซึ่งนอกจาก จะเป็นการให้พลังแก่ผู้ประกอบการแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านการใช้จ่ายภาครัฐ (อบรม/สัมมนา) ทำให้เศรษฐกิจแต่ละจังหวัด เกิดการขับเคลื่อน เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากอย่างแท้จริง ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ มีความมั่นคงและเข้มแข็งขึ้นตามไปด้วย”

“อย่างไรก็ตาม กรมฯ จะได้นำข้อเสนอแนะที่ได้รับ มาจัดทำเป็นโรดแมพแนวทางการช่วยเหลือ และพัฒนาผู้ประกอบการอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีการปรับหลักสูตรการอบรม/สัมมนาต่างๆ ให้เหมาะสมกับผู้ประกอบการท้องถิ่นแต่ละกลุ่มธุรกิจ และจะมีการบูรณาการความร่วมมือ กับสำนักงานพาณิชย์จังหวัด รวมทั้งหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อน/เสริมพลังผู้ประกอบการและเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน” อธิบดีฯ กล่าวทิ้งท้าย