Onlinenewstime.com : สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์กรมหาชน) หรือ NIA เผยผลการจัดอันดับดัชนีนวัตกรรมโลก Global Innovation Index: GII) ประจำปี 2563 ภายใต้ธีมใครจะจ่ายเงินทำนวัตกรรม : Who Will Finance Innovation? ซึ่งจัดโดยองค์การทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลก (WIPO) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยคอร์เนล และ The Business School for the World (INSEAD)
เพื่อวัดระดับความสามารถทางด้านนวัตกรรมเสมือน มาตรวัดเปรียบเทียบเชิงเวลา และการเปรียบเทียบเชิงแข่งขันทางด้านนวัตกรรมของแต่ละประเทศกว่า 131 ประเทศทั่วโลก
โดยในปีนี้ ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 44 ในขณะที่ปัจจัยค่าใช้จ่ายมวลรวมภายในประเทศสำหรับการวิจัยและพัฒนา ซึ่งลงทุนโดยองค์กรธุรกิจต่างๆ และปัจจัยการส่งออกสินค้าสร้างสรรค์ ถูกจัดเป็นอันดับ 1 ของโลก
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์กรมหาชน) กล่าวว่า “การประกาศผลการจัดอันดับ GII ในปี 2020 นี้ จัดขึ้นเป็นปีที่ 13 ภายใต้ธีมใครจะจ่ายเงินทำนวัตกรรม หรือ Who Will Finance Innovation? ที่บ่งชี้สถานะความสามารถทางด้านนวัตกรรม โดยเฉพาะการเงินนวัตกรรม ที่ต้องเผชิญกับความท้าทายจากสภาพบริบทของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง
ถือเป็นประเด็นสำคัญทางธุรกิจ และการขับเคลื่อนนโยบาย ในภาวะที่การแข่งขันในด้านการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศมีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลต่อขีดความสามารถของภาคเศรษฐกิจในระยะยาว โดยเฉพาะท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า -19 (COVID-19) ที่ส่งผลกระทบ ต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และภัยพิบัติทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง”
ผลการจัดอันดับความสามารถทางด้านนวัตกรรมในปีนี้ ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 44 จากทั้งหมด 131 ประเทศ โดยในปีนี้ปัจจัยเข้าทางนวัตกรรม (Innovation input sub-index) อยู่อันดับที่ 48 และปัจจัยย่อยผลผลิตทางนวัตกรรม (Innovation output sub-index) อยู่อันดับที่ 44
ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศกลุ่มรายได้ปานกลางระดับบน (upper middle-income economies) ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 4 จากจำนวน 37 ประเทศ รองจากรองจากประเทศจีน มาเลเซีย และบัลแกเรีย
ประเทศไทย ยังมีอันดับที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยในทุกปัจจัย ยกเว้นปัจจัยด้านทุนมนุษย์ และการวิจัย แต่หากเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันออกและโอเชียเนีย ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 10 จากจำนวน 17 ประเทศ
สำหรับอันดับปัจจัยชี้วัดความสามารถด้านนวัตกรรม แบ่งออกเป็น 7 มิติ ได้แก่
- สถาบัน
- ทุนมนุษย์และการวิจัย
- โครงสร้างพื้นฐาน
- ระบบตลาด
- ระบบธุรกิจ
- ผลผลิตจากองค์ความรู้และเทคโนโลยี
- ผลผลิตจากความคิดสร้างสรรค์
โดยของประเทศไทยปรับตัวดีขึ้นถึง 4 มิติ ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐาน (อันดับ 67 เดิม 77) ระบบตลาด (อันดับ 22 เดิม 32) และระบบธุรกิจ (อันดับ 36 เดิม 60) และผลผลิตจากความคิดสร้างสรรค์ (อันดับ 52 เดิม 54)
โดยในรายดัชนีชี้วัดย่อย ประเทศไทยทำอันดับได้ดี ในด้านค่าใช้จ่ายมวลรวมภายในประเทศสำหรับการวิจัยและพัฒนาซึ่งลงทุนโดยองค์กรธุรกิจต่างๆ (อันดับ 1) ซึ่งสะท้อนให้เห็น การลงทุนของภาคเอกชนในประเทศไทย มุ่งเน้นเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจด้วยการพัฒนานวัตกรรมมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีมิติด้านผลผลิตทางนวัตกรรม ทั้งในส่วนของผลผลิตจากองค์ความรู้และเทคโลยี และผลผลิตจากความคิดสร้างสรรค์ ถูกจัดอันดับดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะดัชนีชี้วัดย่อย การส่งออกสินค้าสร้างสรรค์ ถูกจัดเป็นอันดับ 1 ของโลกที่มีการส่งออกสินค้าประเภทนี้มากที่สุด
แต่อุปสรรคสำคัญ ในการสร้างขีดความสามารถนวัตกรรม ที่ยังเป็นข้อด้อยของประเทศ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นระหว่างปัจจัยเข้าทางนวัตกรรม เช่น สภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับกฎระเบียบและข้อบังคับต่างๆ อัตราส่วนของครูและนักเรียน และการบริการนำเข้าเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การบริการส่งออกเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นต้น
“จากการจัดอันดับความสามารถทางด้านนวัตกรรม ของประเทศไทย ในช่วงเวลาที่ผ่านมาจะเห็นได้แนวโน้มคะแนนอันดับความสามารถทางนวัตกรรมโดยรวม สูงขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป สลับขึ้นลงในอันดับที่ไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก
แม้ว่าในปีนี้อันดับดัชนีนวัตกรรมจะลดลง แต่ในด้านโครงสร้างพื้นฐานทั่วไป จำนวนบุคลากรที่มีความรู้ในประเทศ การดูดซับองค์ความรู้ และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ที่เป็นฐานสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และยกระดับความเป็นอยู่ของคนในประเทศ มีอันดับที่ดีขึ้น
ปัจจัยเหล่านี้ล้วนสะท้อนให้เห็นว่า ประเทศไทย มีการพัฒนาที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในด้านต่างๆ เพียงเร่งเสริมมาตรการที่เป็นจุดด้อย ให้ตรงจุด โดยเฉพาะการพัฒนาทุนมนุษย์และการวิจัย และการเชื่อมโยงต่อยอดการสร้างนวัตกรรมที่มีอยู่แล้ว สร้างการไต่ระดับพัฒนาการทางนวัตกรรม ที่จะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศต่อไป” ดร.พันธุ์อาจ กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) โทรศัพท์ 02-0175555 เว็บไซต์ หรือ Facebook
10 อันดับแรกของประเทศที่มีผลชี้วัดทางนวัตกรรมที่ดีที่สุด
อันดับที่ 1 สวิตเซอร์แลนด์
อันดับที่ 2 สวีเดน
อันดับที่ 3 สหรัฐอเมริกา
อันดับที่ 4 สหราชอาณาจักร
อันดับที่ 5 เนธอร์แลนด์
อันดับที่ 6 เดนมาร์ก
อันดับที่ 7 ฟินแลนด์
อันดับที่ 8 สิงคโปร์
อันดับที่ 9 เยอรมนี
อันดับที่ 10 เกาหลี