Onlinenewstime.com : บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด จับมือพันธมิตร เดินหน้า โครงการจัดจ้างผู้ขาดโอกาสทางสังคม (Solidarity Sourcing Program) มอบโอกาสที่เท่าเทียมทางอาชีพ ให้แก่ผู้ขาดโอกาสทางสังคม มุ่งเน้นช่วยกลุ่มผู้พิการและผู้สูงอายุ ให้มีอาชีพและรายได้ที่มั่นคง พร้อมมอบรางวัลยกย่องพันธมิตร 21 ราย ที่ร่วมกันดำเนินโครงการอย่างเต็มกำลัง จ้างงานผู้ขาดโอกาสรวม 140 คน และมุ่งขยายโครงการไปยังพันธมิตรทางธุรกิจให้มากขึ้น เพื่อช่วยสร้างอาชีพและรายได้ ให้แก่ผู้ขาดโอกาสเพิ่มขึ้น
ในประเทศไทย กลุ่มผู้พิการและผู้สูงอายุ นับเป็นสองกลุ่มที่ได้รับสำคัญมากยิ่งขึ้น โดยเมื่อปี พ.ศ. 2562 สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติคาดการณ์ว่าปี พ.ศ. 2564 ประเทศไทยจะเข้าสู่ ‘สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์’ (Aged Society)[1] และในปี พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา ประเทศไทย มีจำนวนประชากรสูงอายุมากกว่าประชากรวัยเด็กเป็นครั้งแรก และมีแนวโน้มว่าจะคงจำนวนมากกว่าในอนาคต
จากข้อมูลโดยกรมกิจการผู้สูงอายุ ปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนประชากรผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ราว 11.1 ล้านคน[2] นอกจากนี้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้กำหนดให้กลุ่มผู้สูงอายุ เป็นวาระแห่งชาติ โดยมีเป้าหมาย อาทิ ส่งเสริมเรื่องการออม การไม่มองผู้สูงอายุเป็นภาระ วิธีการดูแลผู้สูงอายุ
ทางด้านสถานการณ์กลุ่มผู้พิการ พบว่าจำนวนผู้พิการ ที่มีบัตรประจำตัวมีกว่า 2 ล้านคน โดยกว่า 191,000 คน[3] เป็นผู้พิการในวัยทำงาน ที่สามารถประกอบอาชีพได้ แต่ยังไม่ได้ประกอบอาชีพ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน ในการช่วยเหลือ และมอบโอกาสให้พวกเขาสามารถมีชีวิตและความเป็นอยู่ที่มั่นคง
นางสาวอรอนงค์ ประทักษ์พิริยะ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและองค์กรสัมพันธ์ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “โครงการจัดจ้างผู้ขาดโอกาสทางสังคม” เป็นหนึ่งโครงการสำคัญที่ลอรีอัล ทั่วโลกดำเนินการร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อสนับสนุนการว่าจ้างกลุ่มผู้ขาดโอกาส
โดยในปี 2013 ลอรีอัล เริ่มตั้งเป้าในการช่วยผู้ขาดโอกาส 100,000 คนทั่วโลก ให้เข้าถึงการจ้างงาน ภายในปี 2020 และ ภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่ “L’Oréal For The Future” ที่มุ่งเร่งเปลี่ยนแปลงการดำเนินงาน ให้คำนึงถึงขีดจำกัดความปลอดภัยของโลก และร่วมแก้ไขปัญหาด้านสังคม และสิ่งแวดล้อมที่เร่งด่วน
บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าในการช่วยผู้ขาดโอกาสทั่วโลกจำนวน 100,000 คนภายในปี 2030 และเราจะร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศไทย ผลักดันอย่างเต็มที่ เพราะเราเชื่อมั่นว่า การให้โอกาสกับผู้ที่ขาดนั้น จะเป็นหนึ่งฟันเฟือง ในการช่วยลดปัญหาทางด้านสังคมได้อย่างยั่งยืน”
นายศุภกร ตันติจินดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท 71 ดีไซน์ – เดคคอร์เรท จำกัด หนึ่งในพันธมิตรทางธุรกิจของลอรีอัล ที่ร่วมโครงการฯ กล่าวว่า “กลุ่มผู้สูงอายุ อาจถูกมองว่าเป็นกลุ่มคนที่เป็นภาระของสังคม แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาอายุมาก แต่ก็ยังมีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ ที่สามารถถ่ายทอดแก่คนรุ่นใหม่ได้
ทางบริษัทฯ จึงมอบโอกาสให้ และช่วยให้พวกเขาเห็นถึงคุณค่าของตัวเอง พร้อมเป็นตัวอย่างแก่บริษัทอื่นๆ ให้เห็นว่าผู้ขาดโอกาสทางสังคมนั้น มีศักยภาพในการทำงานอย่างมีคุณภาพ
ปัจจุบันบริษัทฯ มีพนักงานเป็นผู้สูงวัย และผู้พิการ ภายใต้โครงการจัดจ้างผู้ขาดโอกาสทางสังคม อยู่ในทุกแผนก และเราดีใจที่ได้ช่วยให้พวกเขามีอาชีพและรายได้ที่มั่นคง”
นายสุบิน ใจตรง อายุ 70 ปี ช่างซ่อมบำรุง บริษัท 71 ดีไซน์ – เดคคอร์เรท จำกัด หนึ่งในผู้สูงอายุ ที่ได้รับโอกาสจากโครงการจัดจ้างผู้ขาดโอกาสทางสังคม กล่าวว่า “การได้ตื่นเช้ามาในทุกวัน แล้วใส่เสื้อของบริษัทฯ เพื่อออกไปทำงาน เป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของผม พอได้ทำงาน ได้ออกแรง ก็รู้สึกเหมือนว่าได้ออกกำลังกายไปในตัว
ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีชีวิตชีวา นอกจากนั้น ยังได้ช่วยหารายได้เลี้ยงตัวเอง และครอบครัว ไปในเวลาเดียวกัน ขอขอบคุณ บริษัท 71 ดีไซน์ – เดคคอร์เรท จำกัด และ ลอรีอัล ประเทศไทย ที่ให้โอกาสผู้สูงอายุ ได้มีโอกาสในการทำงานต่อไป รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่ามากขึ้นจริงๆ”
โครงการจัดหาจัดจ้างผู้ขาดโอกาสทางสังคม ในประเทศไทย เริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2559 โดยมีวัตถุประสงค์ในการทำงานร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อมอบโอกาสเท่าเทียมทางอาชีพ ให้แก่ผู้ขาดโอกาสทางสังคม อาทิ กลุ่มผู้พิการและผู้สูงอายุ ให้มีอาชีพและรายได้ที่มั่นคง โดยปัจจุบันมีผู้ขาดโอกาส ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการของลอรีอัลกว่า 520 คนในประเทศไทย และกว่า 90,635 คนทั่วโลก
“โครงการนี้จะเดินหน้าไม่ได้เลย หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรต่างๆ เรา รู้สึกภูมิใจที่มอบโอกาสให้กับผู้ขาดโอกาสทางสังคม และขอขอบคุณพันธมิตร ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพื่อสังคมไทยและโลกที่น่าอยู่ยิ่งขึ้นต่อไป”นางสาวอรอนงค์กล่าวสรุป
[1] ที่มา: สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ – กรกฎาคม – ธันวาคม 2562
[2] ที่มา: กรมกิจการผู้สูงอายุ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย – ธันวาคม 2562
[3] ที่มา: กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ – มิถุนายน 2563