fbpx
News update

สถานการณ์ “น้ำท่วม” ในปัจจุบันมีพื้นที่ประสบภัย 14 จังหวัด

www.onlinenewstime.com : ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึง สถานการณ์น้ำท่วมในปัจจุบัน ยังคงมีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม 14 จังหวัด ได้แก่ พิจิตร อุตรดิตถ์ สุโขทัย เพชรบูรณ์ ยโสธร ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ขอนแก่น มหาสารคาม อุดรธานี อุบลราชธานี อำนาจเจริญ สกลนคร และนครพนม

ในด้านของการช่วยเหลือพื้นที่ประสบอุทกภัย กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมชลประทานได้จัดส่งเครื่องจักร เครื่องมือต่าง ๆ ไปช่วยเหลือพื้นที่น้ำท่วมทั่วประเทศ แบ่งเป็นเครื่องสูบน้ำ 83 เครื่อง เครื่องผลักดันน้ำ 56 เครื่อง รถบรรทุก 6 คัน และกาลักน้ำ 20 แถว

สภาพอากาศและสถานการณ์น้ำทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำทั่วประเทศในระยะที่ผ่านมา ประเทศไทยมีฝนตกในหลายพื้นที่ ส่งผลให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำและปริมาณน้ำท่าในลำน้ำต่าง ๆ เพิ่มขึ้น

ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 5 ก.ย. 62) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำในอ่างฯ รวมกันทั้งสิ้น 46,331 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 61 ของความจุอ่างฯ รวมกันทั้งหมด เป็นปริมาณน้ำใช้การได้ 22,401 ล้าน ลบ.ม. สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 29,000 ล้าน ลบ.ม.

เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก มีปริมาณน้ำรวมกัน 10,855 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 44 ของความจุอ่างฯ รวมกัน เป็นปริมาณน้ำใช้การได้ 4,159 ล้าน ลบ.ม. สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 14,000 ล้าน ลบ.ม.      

ด้านสถานการณ์น้ำในแม่น้ำสายหลักและแม่น้ำสาขาทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา เนื่องจากพื้นที่ตอนบนของประเทศมีปริมาณฝนที่ตกหนัก และฝนที่ตกสะสมมากขึ้น ส่งผลให้มีปริมาณน้ำท่าไหลหลากลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น

ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 6 ก.ย. 62 เวลา 08.00 น.) มีปริมาณน้ำไหลผ่านที่สถานี C.2 อำเภอเมืองนครสวรรค์ 1,399 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 5 เมตร และมีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 824 ลบ.ม./วินาที

มีแนวโน้มที่ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาจะเพิ่มสูงขึ้นไปจนถึงประมาณ 700 – 900 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบัน ได้แก่ บริเวณตำบลบ้านกระทุ่ม ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา และตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 0.50 – 1.00 เมตร ปริมาณน้ำดังกล่าวจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา 

สถานการณ์น้ำในแม่น้ำสายหลักและแม่น้ำสาขาทั่วประเทศ

ด้านสถานการณ์น้ำในแม่น้ำสายหลักและแม่น้ำสาขาทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา เนื่องจากพื้นที่ตอนบนของประเทศมีปริมาณฝนที่ตกหนัก และฝนที่ตกสะสมมากขึ้น ส่งผลให้มีปริมาณน้ำท่าไหลหลากลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น

ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 6 ก.ย. 62 เวลา 08.00 น.) มีปริมาณน้ำไหลผ่านที่สถานี C.2 อำเภอเมืองนครสวรรค์ 1,399 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 5 เมตร และมีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 824 ลบ.ม./วินาที มีแนวโน้มที่ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาจะเพิ่มสูงขึ้นไปจนถึงประมาณ 700 – 900 ลบ.ม./วินาที

ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบัน ได้แก่ บริเวณตำบลบ้านกระทุ่ม ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา และตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 0.50 – 1.00 เมตร ปริมาณน้ำดังกล่าวจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา