Onlinenewstime.com : กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)พัฒนาเครื่องมือให้ความรู้ด้านโภชนาการ (Foodchoice) เพื่อช่วยผู้บริโภคในการตัดสินใจ เปรียบเทียบและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็ว
21 กันยายน 2563 ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรองประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พร้อมด้วยแพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ร่วมแถลงข่าวผลการพัฒนาเครื่องมือให้ความรู้ด้านโภชนาการ (Foodchoice) ณ ห้องแซฟไฟร์ 113 อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม ชั้น 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี
ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ประชาชนจำเป็นจะต้องมีความรู้ที่ถูกต้อง และเพียงพอ เกี่ยวกับรายละเอียดของชนิดและปริมาณสารอาหารที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ เพื่อใช้ในการตัดสินใจ เลือกกินอาหารหรือผลิตภัณฑ์ใดๆ ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่ดีในการดูแลสุขภาพเบื้องต้นได้
แต่เนื่องจากปัจจุบัน พบว่ามีผู้บริโภคจํานวนมากที่ประสบปัญหาการ ดูฉลากโภชนาการบนผลิตภัณฑ์ เนื่องจากตัวอักษรเล็กและมีรายละเอียดมาก เมื่อต้องการเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ใด ๆ จำเป็นต้องใช้เวลาในการตัดสินใจนาน ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุข จึงร่วมมือกับศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ภายใต้การสนับสนุน ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)คิดค้นเครื่องมือเพื่อช่วยในการแก้ปัญหาดังกล่าวฯ ซึ่งเหมาะสำหรับพ่อแม่ที่จะเลือกผลิตภัณฑ์อาหารให้กับเด็ก ให้เด็กได้คุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสม ลดปัจจัยเสี่ยงของโรคอ้วนตามมา
เนื่องจากปัจจุบันเด็กไทย ติดอันดับการเพิ่มจํานวนเด็กอ้วนเร็วที่สุดในโลก โดยในปี 2561 พบเด็กอายุ 6-14 ปี เริ่มอ้วนและอ้วน ร้อยละ 11.1 และเพิ่มเป็นร้อยละ 11.7 ในปี 2562 นอกจากนี้ จากการสำรวจพฤติกรรมสุขภาพ ช่องปากเด็กวัยเรียน สำนักทันตสาธารณสุข ปี 2563 พบเด็กอายุ 12 ปี ดื่มน้ำหวานและน้ำอัดลมมากกว่า 2 ครั้งต่อวัน ร้อยละ 52 และกินขนมมากกว่า 2 ครั้งต่อวัน ร้อยละ 28.9
ทางด้านแพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า แอปพลิเคชั่น FoodChoice ถือได้ว่าเป็นเครื่องมือหนึ่ง ในการให้ความรู้ทางด้านโภชนาการ เมื่อสแกนบาร์โค้ดจากผลิตภัณฑ์ ข้อมูลบนฉลากโภชนาการ จะถูกแสดงในรูปแบบที่สามารถเข้าใจได้ง่าย ช่วยผู้บริโภคในการตัดสินใจ เปรียบเทียบและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกันได้ อย่างรวดเร็ว
โดยมีการจัดเรียงข้อมูลผลิตภัณฑ์ตามเกณฑ์ เช่น พลังงาน น้ำตาล โซเดียม ไขมัน ไขมันอิ่มตัว และโปรตีน นอกจากนี้ ยังได้มีการจำแนก สีของผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ผู้ใช้งาน สามารถเลือกบริโภค และกำหนดปริมาณการกิน ให้เหมาะสมกับความต้องการของร่างกายได้ โดยจำแนกได้ ดังนี้
1) สีเขียว หมายถึง ปริมาณพลังงานหรือสารอาหาร อยู่ในเกณฑ์ที่กําหนด แต่หากบริโภคผลิตภัณฑ์นั้น ๆ มากกว่าหนึ่งหน่วยบริโภค แต่ไม่เกิน 2 หน่วยบริโภค ของอาหารระหว่างมื้อ (อาหารว่าง) หรือบริโภคร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่นเป็น ที่มีสารอาหารชนิดเดียวกันที่ให้สีเขียว ก็จะทําให้ได้รับสารอาหารนั้น ในปริมาณสูงปานกลาง
2) สีเหลือง หมายถึง ปริมาณพลังงานหรือสารอาหาร อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง แต่หากบริโภคผลิตภัณฑ์นั้น ๆ มากกว่าหนึ่งหน่วยบริโภค หรือบริโภคร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่นเป็น ที่มีสารอาหารชนิดเดียวกันที่มีสีเหลือง ก็จะทําให้ได้รับสารอาหารนั้นในปริมาณสูง
3) สีแดง หมายถึง ปริมาณพลังงานหรือสารอาหาร อยู่ในเกณฑ์ที่สูงเกิน 2 เท่าของเกณฑ์ที่กำหนด หากบริโภคอาหารระหว่างมื้อ ที่มีสัญลักษณ์สีแดงในอาหารตัวใดตัวหนึ่ง ต้องพยายามลดการได้รับสารอาหารนั้น ๆ ในอาหารมื้อหลักต่อไป
4) สีฟ้า หมายถึง ปริมาณโปรตีน แคลเซียม วิตามินบีสอง ซึ่งเป็นสารอาหารที่ดี แต่มีปริมาณต่ำกว่าเกณฑ์มาก ซึ่งหากผู้ใช้งานสแกนบาร์โค้ดบนผลิตภัณฑ์แล้วไม่พบข้อมูล ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพ และแชร์รูปภาพของผลิตภัณฑ์ ด้านหน้าผลิตภัณฑ์ ข้อมูลโภชนาการ ส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ และเลข อย. 13 หลัก เพื่อเพิ่มเติมข้อมูลในแอปพลิเคชั่นให้ทันสมัย และครบถ้วนอยู่ตลอดเวลา” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ด้าน ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส. ได้ริเริ่มจุดประกายสร้างเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) ให้แก่เด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไป สามารถรับรู้ เข้าใจ และเกิดความตระหนักถึงปัจจัยเสี่ยง ในการสร้างเสริมสุขภาพเพื่อป้องกันโรค
โดยในช่วงปี 2559 ได้นำเครื่องมือให้ความรู้ทางด้านโภชนาการ หรือแอปพลิเคชัน FoodChoice ไปทดสอบการใช้งานในพื้นที่โรงเรียนนำร่องใน 4 ภูมิภาค ภายใต้โครงการโรงเรียนอ่อนหวาน 9 โรงเรียน ส่งผลให้เด็กนักเรียนเกิดความรู้ และมีความเข้าใจเรื่องโภชนาการมากขึ้นถึง ร้อยละ 98 พร้อมทั้งได้นำข้อมูลจากการทดสอบ มาใช้พัฒนาและปรับปรุงแอปพลิเคชัน FoodChoice ให้ประชาชนทั่วไป สามารถเข้าใช้งานได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
“ในปี 2562 สสส. และเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน ขยายผลผลักดันให้แอปพลิเคชัน FoodChoice เข้าไปเป็นหนึ่งในนโยบายเสริมสร้างการเรียนรู้ของเครือข่ายโรงเรียน ปลอดน้ำอัดลมกว่า 3 หมื่นแห่งทั่วประเทศ
เพื่อใช้เป็นเครื่องมือส่งเสริมการเรียนรู้ เรื่องโภชนาการของโรงเรียน และเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนนโยบาย สร้างเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพช่องปาก เด็กวัยเรียน ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเด็กวัยเรียน ให้มีความรอบรู้และมีทักษะทางสุขภาพอีกด้วย” ดร.สุปรีดา กล่าว
ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค-สวทช. กล่าวเสริมว่า ด้วยเป้าหมายสำคัญของเนคเทค-สวทช.ที่มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศขั้นสูง เพื่อสร้างฐานรากทางเทคโนโลยี ให้กับประเทศ เรามีการทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และพันธมิตรมาเป็นระยะเวลานาน เพื่อผลักดันให้เกิดระบบนิเวศน์ ของการใช้เทคโนโลยีที่วิจัยและพัฒนาขึ้นให้เกิดประโยชน์ต่อคนหมู่มาก
หนึ่งในนั้น คือการสร้าง Big Data Analytics Platform ที่เชื่อมโยงข้อมูลอาหารและโภชนาการ ทั้งในและนอกรั้วโรงเรียนกับสุขภาวะของนักเรียน เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถเห็นข้อมูล สนับสนุนของตนเองได้ชัดเจน
แอปพลิเคชัน FoodChoice จะทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถทราบสถานการณ์ และแนวโน้มผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ที่วางขายในท้องตลาด และพฤติกรรมการบริโภคได้อย่างต่อเนื่อง รัฐบาลสามารถใช้ข้อมูลที่วิเคราะห์เชิงลึกนี้วางแผน และกำหนดนโยบายเพื่อส่งเสริมสุขภาพได้อย่างตรงเป้า