fbpx
News update

“สังคมไร้เงินสด” ลดความเสี่ยงไวรัส โควิด -19

onlinenewstime.com : การใช้ “เงินสด” ทั้งเหรียญและธนบัตร​ที่ผ่านมาหลายมือ​ จนเป็นที่สะสมเชื้อโรค เป็นอีกกิจวัตรที่เรามองข้ามไม่ได้ว่า เงินสดนั้นก็เป็นปัจจัยเสี่ยงในการแพร่กระจายไวรัส โควิด-19 ได้อย่างไม่คาดคิด เช่นเดียวกับการเคลื่อนไหวของแบงก์ชาติ ห้างโรบินสัน ธนาคารกสิกรไทย ที่ล่าสุดออกมาตรการลดความเสี่ยงจากการใช้เงินสด

ในด้านข้อเท็จจริงเมื่อเร็วๆนี้ “ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ” ออกมาเปิดเผยว่า “ธนบัตรเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค” โดยเฉพาะธนบัตรที่มีรอยกรีดรอยพับนั้นจะยิ่งสะสมเชื้อโรคได้มากขึ้น นอกจากนั้นยังได้ทำการพิสูจน์พบว่า เชื้อโควิด-19 อยู่บนธนบัตรได้ในระยะเวลานานถึง 5 วัน

ดังนั้นหลังหยิบจับธนบัตร แนะนำให้ล้างมือทันที และสำหรับมาตรการในการดูแลเรื่องนี้ คือ หากธนบัตรถูกหมุนเวียนกลับมา จะถูกเก็บไว้ 14 วัน จากนั้นจึงส่งกลับไปหมุนเวียนในระบบต่อไป และแบงก์ชาติเพิ่มธนบัตรใหม่ที่สะอาดเข้าระบบเพื่อให้ประชาชนใช้อย่างมั่นใจ

พิมพ์ธนบัตรใหม่ไม่เคยหมุนเวียน

นายสมบูรณ์ จิตเป็นธม ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายออกบัตรธนาคาร แบงก์ชาติ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ที่เกิดขึ้น แบงก์ชาติมีความห่วงใยประชาชนที่ใช้ธนบัตรในการใช้จ่าย และเพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าธนบัตรที่หมุนเวียนในระบบ มีสภาพใหม่และสะอาด  แบงก์ชาติจึงได้ดำเนินการเพิ่มการกระจายธนบัตรคุณภาพใหม่สะอาดชนิดราคา 500 บาท แบบปัจจุบันที่มีสภาพใหม่ และยังไม่เคยผ่านการหมุนเวียนในระบบให้แก่ธนาคารพาณิชย์ เพื่อรองรับความต้องการของประชาชนและเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพประชาชน

แคมเปญลดการสัมผัสเงินสดและบัตรเครดิต

ในส่วนการเคลื่อนไหวของห้างสรรพสินค้าต่างๆ นอกจากจะได้เห็นมาตรการทำความสะอาด และติดตั้งแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อในพื้นที่จุดต่างๆภายในห้างแล้ว ในมาตรการคุมเข้มป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงินสดนั้น ได้เห็นตัวอย่างจากห้างโรบินสัน ที่มีแคมเปญใหม่ออกมากระตุ้นให้เกิด Cashless Society เพื่อให้ลูกค้าหันมาช้อปไร้เงินสดเพิ่มมากขึ้นเพื่อห่างไกลโควิด-19

นายอนุชิต สรรพอาษา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาด บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โรบินสัน เดินหน้าป้องกัน และสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้าในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยการชูกลยุทธ์ ‘Contactless Payment’ ที่มีการรณรงค์ลูกค้าให้ “ลดการสัมผัสจับต้องเงินสดหรือบัตรเครดิต” เพื่อป้องกันการรับเชื้อไวรัส โดยสามารถจ่ายผ่าน E-payment ในระบบต่างๆ ในห้างสรรพสินค้า รวมทั้งร้านค้าต่างๆ ภายในศูนย์การค้าก็จะมี QR Code ให้ลูกค้าเลือกชำระเงินได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยด้วยเช่นกัน

ปิดจุดแลก “เงินตราต่างประเทศ” รับมือ COVID-19

การนำเงินไทยไปแลกเป็นสกุลเงินต่างประเทศที่เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค ถือเป็นอีกเรื่องที่มีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 เช่นเดียวกับ​ การประกาศของธนาคารกสิกรไทย แจ้งว่าตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2563 เรื่องโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (COVID-19) ให้ท้องที่นอกราชอาณาจักรเป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย 4 ประเทศและเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดต่อเนื่อง 5 ประเทศนั้น

ธนาคารกสิกรไทยถือว่าการปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขในภาวะแพร่กระจายของโรคติดต่ออันตราย เพื่อร่วมป้องกัน เฝ้าระวัง และควบคุมการระบาดอย่างเข้มงวดเป็นหน้าที่ของพลเมือง (Civic Duty) ที่พึงกระทำ และมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ธนาคารจึงขอประกาศหยุดการให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในทุกสาขา โดยสามารถแลกเงินได้ในช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะดีขึ้น

นับว่ามาตรการรับมือไวรัสโควิด-19 ของหลายหน่วยงานดังกล่าว​ เป็นจุดเริ่มต้นการป้องกันเพิ่มเติม ที่เชื่อว่าในวันต่อไป จะมีอีกหลายหน่วยงานที่ออกมาตรการลดความเสี่ยงใช้ธนบัตรและเหรียญตามมาอีก อย่างไรก็ตามหลังการจับธนบัตรและเหรียญทุกครั้งนั้น สิ่งที่ต้องเพิ่มความระมัดระวัง คือต้องทำความสะอาดมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์ทุกครั้งเพื่อห่างไกลเชื้อไวรัสโควิด-19