
onlinenewstime.com : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตือนประชาชน ในพื้นที่พายุฝนตกหนัก ให้ติดตามข่าวสาร จากหน่วยงานของรัฐอย่างใกล้ชิด โดยการเตรียมความพร้อม และระมัดระวังอันตรายจากลมพายุ หรือการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุต่างๆ

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากรายงานกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในช่วงนี้หลายพื้นที่ของประเทศไทย ทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และ ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน จะมีฝนฟ้าคะนอง และฝนตกหนัก ถึงหนักมากบางพื้นที่ กรมควบคุมโรค จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ระมัดระวังอันตราย จากฝนตกหนัก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้
นอกจากนี้ ขณะฝนตกฟ้าคะนอง ไม่ควรออกนอกบ้าน เพราะมีความเสี่ยงจากการโดนฟ้าผ่า และหากมีความจำเป็น ต้องขับขี่ยานพาหนะ ควรเพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากฝนที่ตก จะทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ดี ถนนเปียกลื่น อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
การเตรียมความพร้อมรับมือ กับพายุฝนฟ้าคะนอง หากประชาชนอาศัยอยู่ บริเวณริมน้ำหรือในพื้นที่เสี่ยง ควรรีบเคลื่อนย้าย ไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยที่อยู่ในความดูแล
กรมควบคุมโรค แนะนำวิธีการป้องกันอันตราย จากการถูกฟ้าผ่า ดังนี้
- ห้ามอยู่ใกล้หรือใช้อุปกรณ์ที่เป็นสื่อนำไฟฟ้า เช่น เครื่องมือการเกษตร และโทรศัพท์สาธารณะ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้ มีส่วนประกอบที่เป็นแผ่นโลหะ ซึ่งเป็นสื่อนำไฟฟ้า
- ควรหลบในอาคารที่ติดตั้งสายล่อฟ้า จะช่วยป้องกันอันตราย จากฟ้าผ่าได้ และไม่ควรใช้โทรศัพท์ เปิดคอมพิวเตอร์เล่นอินเตอร์เน็ต ดูโทรทัศน์ ฟังวิทยุ หรืออยู่ใกล้ประตู หน้าต่างที่ มีส่วนประกอบเป็นโลหะ ในขณะฟ้าร้อง ฟ้าผ่า
- หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด เพราะกระแสไฟจากฟ้าผ่า อาจไหลผ่านเครื่องใช้ไฟฟ้า ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหาย และเกิดอันตรายขึ้นได้
- กรณีอยู่ในรถ ควรปิดกระจกทุกบาน หากฟ้าผ่าลงรถ ควรตั้งสติ ไม่ควรออกจากรถโดยเด็ดขาด เพราะกระแสไฟฟ้าที่ ไหลตามผิวโลหะของตัวถังรถ จะไหลลงสู่พื้นดิน หากออกนอกรถจ ะมีความเสี่ยงที่จะถูกฟ้าผ่าสูง ที่สำคัญ อย่าสัมผัสส่วนที่เป็นโลหะ
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวเสริมว่า หากประชาชน มีความจำเป็น ต้องขับขี่ยานพาหนะ ขอให้ประเมินสถานการณ์ อย่างถี่ถ้วน เพื่อความปลอดภัย และปฏิบัติดังนี้

- เปิดไฟหน้ารถ เพื่อช่วยให้มองเห็นชัดเจนขึ้น และให้รถคันอื่น มองเห็นได้จากระยะไกล
- เปิดใบปัดน้ำฝน และควรปรับระดับความเร็ว ใบปัดน้ำฝน ให้เหมาะสมกับสถานการณ์
- ลดความเร็ว เพื่อเพิ่มความระมัดระวัง ให้มากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะบริเวณทางโค้ง เพราะมีน้ำขัง และอาจทำให้รถลื่นไถล หรือเหินน้ำ
- ให้ทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้าเพิ่มขึ้น เพราะสภาพถนนที่เปียกลื่น ต้องใช้ระยะห่าง ในการหยุดรถเพิ่มขึ้น
- หลีกเลี่ยงการแซง แต่หากจำเป็น ต้องประเมินสถานการณ์ หรือกะระยะทางข้างหน้าให้ปลอดภัย
- กรณีรถลื่นไถล หรือเหินน้ำ ห้ามเหยียบเบรก จนล้อหยุดหมุนทันที เพราะอาจทำให้รถพลิกคว่ำได้ ควรลดความเร็ว ใช้เกียร์ต่ำ จนกว่ารถจะทรงตัวได้ แล้วจึงค่อยๆ เหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ
- เมื่อต้องขับรถผ่าน บริเวณน้ำท่วมขัง ขอให้หยุดรถ และประเมินสถานการณ์ หากระดับน้ำสูงไม่ควรขับรถฝ่าไป
หากพบเห็น ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ขอให้โทรแจ้งขอความช่วยเหลือ จากทีมแพทย์กู้ชีพทันที โทร. 1669 พร้อมแจ้งข้อมูล ผู้ประสบอุบัติเหตุ และสถานที่เกิดเหตุ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
Source – สำนักสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข