fbpx
News update

เทคนิคดูแลผู้สูงอายุในบ้าน เพื่อสุขภาพที่ดี

onlinenewstime.com : การดูแลผู้สูงอายุในบ้าน เรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งของทุกครอบครัวไทย และหากผู้สูงอายุในบ้าน ช่วยเหลือตนเองได้น้อย หรือไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ จะทำให้กลายเป็นเรื่องยาก ของสมาชิกในครอบครัว

อ.นพ.สมบูรณ์  อินทลาภาพร ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เผยถึง วิธีดูแลสุขภาพแบบง่ายๆ เพื่อเป็นหลักการในการป้องกันปัญหาสุขภาพในผู้สูงอายุ

1.  เลือกอาหาร  เนื่องจากผู้สูงอายุ มีการใช้พลังงานน้อยลง จากที่มีกิจกรรมต่างๆลดลง จึงควรลดอาหาร ประเภทแป้ง น้ำตาล  และไขมัน  แต่ให้เน้นไปที่อาหารประเภทโปรตีน จากปลา  และเพิ่มแร่ธาตุ ที่ผู้สูงอายุมักขาด  ได้แก่ แคลเซียม สังกะสี และเหล็ก  ซึ่งมีอยู่ใน นม ถั่วเหลือง  ผัก ผลไม้  และธัญพืชต่างๆ  การปรุงอาหาร ควรใช้การ ต้ม นึ่ง ย่าง อบ แทนการผัด หรือทอด เพื่อลดปริมาณไขมันในอาหาร ที่สำคัญคือ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสหวานจัด  เค็มจัด  และดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย  6 – 8 แก้ว / วัน

Credit ภาพจาก Pixabay

2.  ออกกำลังกาย   หากไม่มีโรคประจำตัว แนะนำให้ออกกำลังกายแบบแอโรบิคประมาณ 30 นาทีต่อครั้ง และทำให้ได้ สัปดาห์ละ 3 – 4 ครั้ง จะทำให้เกิดประโยชน์ ต่อหัวใจและหลอดเลือดอย่างมาก โดยขั้นตอนการออกกำลังกาย ต้องค่อยๆ เริ่มจากเบาๆ เช่นการยืดเส้นยืดสาย แล้วจึงค่อยๆเพิ่มความหนักขึ้น จนถึงระดับที่ต้องการ ทำอย่างต่อเนื่อง จนถึงระยะเวลาที่ต้องการ จากนั้นค่อยๆ ลดลงอย่างช้าๆ และค่อยๆ หยุด เพื่อให้ร่างกาย และหัวใจได้ปรับตัว           

3. สัมผัสอากาศที่บริสุทธิ์  เพื่อช่วยลดโอกาส การเกิดโรค โดยอาจเป็นสวนสาธารณะ สถานที่ท่องเที่ยว หรือการปรับภูมิทัศน์ภายในบ้าน ให้ปลอดโปร่ง สะอาด มีอากาศถ่ายเทสะดวก ปลูกต้นไม้ จัดเก็บสิ่งปฏิกูลให้เหมาะสม เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค และช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้ หรือหอบหืดได้

Credit ภาพจาก Pixabay

4. หลีกเลี่ยงบุหรี่และสุรา เพื่อลดโอกาสการเกิดโรค หรือ ลดความรุนแรงของโรค ทั้งยังลดค่าใช้จ่ายในการรักษา  และยังช่วยป้องกันปัญหาอุบัติเหตุ  อาชญากรรมต่างๆ อันเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมอีกด้วย

5.  ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ โดยเลือกกิจกรรมให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล และโรคที่เป็นอยู่ ส่งเสริมสุขภาพให้กล้ามเนื้อมีความแข็งแรง ปรับสภาพแวดล้อมในบ้าน ให้ลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ หรือการหกล้ม

6.  ควบคุมน้ำหนักตัวหรือลดความอ้วน  โดยการควบคุมอาหาร และออกกำลังกาย ซึ่งจะช่วยให้เกิดความคล่องตัว  ลดปัญหาการหกล้ม  และความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ  เช่น  โรคข้อเข่าเสื่อม  และโรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นต้น         

วิธีประเมินน้ำหนักตัวว่าอยู่ในเกณฑ์อ้วน  ใช้การคำนวณจากดัชนีมวลกายหรือที่เรียกว่า BMI (body mass index)  ที่มีค่าอยู่ระหว่าง 23 – 24.9 กิโลกรัม/ (เมตร)2  ซึ่งถ้าอ้วนหมายถึง  ค่า BMI จะเกินกว่า 25 กิโลกรัม (เมตร)2 ขึ้นไป สูตรคำนวณหาดัชนีมวลกาย

7.  หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ไม่เหมาะสม  เช่น ไม่ซื้อยากินเอง  ไม่ใช้ยาเดิมที่เก็บไว้มาใช้รักษาอาการที่เกิดใหม่ และไม่รับยาจากผู้อื่นมาใช้  เนื่องจากวัยนี้ ประสิทธิภาพการทำงานของตับและไตในการกำจัดยาลดลง ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดพิษจากยาหรือผลข้างเคียง  และอาจมีแนวโน้มรุนแรง เกิดภาวะแทรกซ้อน ที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ฉะนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยา

8.  หมั่นสังเกตอาการผิดปกติต่างๆ ของร่างกาย   เช่น คลำเจอก้อนในร่างกาย โดยเฉพาะก้อนที่โตเร็ว การเป็นแผลเรื้อรัง  มีปัญหาเรื่องการกลืนอาหาร  กลืนติด  กลืนลำบาก  ท้องอืดเรื้อรัง  เบื่ออาหาร น้ำหนักลด  ไอเรื้อรัง  ไข้เรื้อรัง  เหนื่อยง่าย  แน่นหน้าอก หรือถ่ายอุจจาระผิดปกติ  มีอาการท้องเสียเรื้อรัง  ท้องผูกสลับท้องเสีย  ถ้าพบอาการลักษณะนี้ ควรพบแพทย์

Credit ภาพจาก Pixabay

9. ตรวจสุขภาพประจำปี   แนะนำให้ตรวจสม่ำเสมอเป็นประจำทุกปี  หรืออย่างน้อยทุก 3 ปี โดยแพทย์จะทำการซักประวัติ  ตรวจร่างกาย และมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการ  เพื่อหาปัจจัยเสี่ยงต่อโรค เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง  ตรวจหาโรคมะเร็งที่พบบ่อย ได้แก่  มะเร็งลำไส้  มะเร็งเต้านม  มะเร็งปากมดลูก และยังมีตรวจการมองเห็น  การได้ยิน ตลอดจนประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย

ทั้งนี้ อ.นพ. สมบูรณ์ เสริมว่า นอกจากการดูแลสุขภาพกายแล้ว สุขภาพใจก็เป็นสิ่งสำคัญ การทำจิตใจให้แจ่มใส  มองโลกในแง่ดี  ไม่เครียด หรือวิตกกังวลกับเรื่องต่างๆ มากจนเกินไป  รวมถึงการเข้าใจ ยอมรับตนเองและผู้อื่น  ก็จะช่วยให้เป็นผู้สูงอายุที่มีสุขภาพดีอย่างแท้จริง