fbpx
News update

แนะภาคการผลิตเร่งพัฒนาทักษะแรงงานรับยุค AI

Onlinenewstime.com : หากกล่าวถึงอุตสาหกรรมการผลิตในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน  และการรับมือกับเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว   ซึ่งปัจจัยสำคัญในการรับมือการเปลี่ยนแปลงคือ แรงงาน ที่ในวันนี้ได้รับอิทธิพล จากเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมการผลิตมากยิ่งขึ้น

แมนพาวเวอร์กรุ๊ป จัดทำการสำรวจและวิจัยในภาคอุตสาหกรรมการผลิต ชี้ว่าการปรับปรุงพัฒนาแรงงานของตนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง ภาคอุตสาหกรรมการผลิต กำลังอยู่ในช่วงการปฏิวัติทักษะ โดยได้รับแรงผลักดันเบื้องต้นจากระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ รวมทั้ง เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เพื่อเพิ่มศักยภาพของธุรกิจ ให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น 

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าตำแหน่งงานในภาคการผลิตแบบในอดีต ได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นรูปแบบใหม่ ที่จะทำให้สายงานผลิต สามารถทำงานได้รวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม  อีกทั้ง ความเปลี่ยนแปลงนี้ ยังเป็นแรงผลักดันที่ดีสำหรับความประพฤติในเชิงบวก และยังก่อให้เกิดความท้าทายกับผู้ผลิต เกินกว่าจะละเลยได้   

โดยในอุตสาหกรรมอื่นๆ มีความกดดัน เกี่ยวกับการนำระบบดิจิทัลมาใช้น้อยกว่า และการเปลี่ยนแปลงด้านแรงงานอาจเป็นไปอย่างช้า ๆ แตกต่างจากอุตสาหกรรมการผลิต

นอกจากนี้ กลุ่มผู้ผลิตที่นำระบบอัตโนมัติมาใช้มากที่สุด เป็นผู้สร้างงานมากที่สุด จากผลสำรวจระบุว่าผู้ผลิตร้อยละ 87 วางแผนที่จะเพิ่มหรือคงไว้ซึ่งจำนวนพนักงาน อันเนื่องมาจากการใช้ระบบอัตโนมัติเป็นปีที่ 3 ต่อเนื่องกัน ระหว่างการสร้างงาน และการขาดแคลนบุคลากร ที่มีความสามารถเพิ่มสูงขึ้นมากที่สุดในรอบ 12 ปี

ดังนั้นการเพิ่มพูนทักษะให้แรงงานปัจจุบัน อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี และเมื่อองค์กรไม่สามารถหาบุคลากรผู้มีความสามารถจากภายนอกได้ การค้นหาโดยการสร้าง การซื้อ การยืม และการต่อยอดบุคลากร ผู้มีความสามารถเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ทั้งนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของแมนพาวเวอร์กรุ๊ปได้วางไว้เช่นกัน

สำหรับกลยุทธ์ในการร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรมการผลิต (ผู้ผลิต)กับภาคการศึกษา  เพื่อร่วมพัฒนาแรงงาน ให้สอดคล้องกับทิศทางและแนวโน้มของภาคอุตสาหกรรม  ซึ่งแมนพาวเวอร์กรุ๊ป มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมภาคการผลิต และเป็นเหตุผลที่ทำให้บริษัทฯ ร่วมเป็นพันธมิตรกับเอ็มเอ็กซ์ดี  เพื่อวางแผนตำแหน่งงานในอนาคต ที่จะเป็นปัจจัยส่งเสริมความเติบโตของอุตสาหกรรมนี้   พร้อมยังได้ร่วมือพัฒนาเกี่ยวกับทักษะและตำแหน่งงาน ที่จะช่วยสนับสนุนองค์กรภาคการผลิต ที่เปลี่ยนผ่านเข้าสู่ระบบดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ

ทางด้านผลการดำเนินงานจากผลวิจัยระบุว่า หุ่นยนต์ หรือระบบอัตโนมัติ เป็นเครื่องมือช่วยให้ผู้ผลิต สามารถระบุความต้องการในการพัฒนาทักษะของตนได้  และยังกำลังช่วยสร้างงานให้มนุษย์   

ปัจจุบันงานที่เราร่วมดำเนินการกับเอ็มเอ็กซ์ดีทำให้บริษัทฯ   ทราบว่าจะสามารถคาดการณ์ ด้วยระดับความแม่นยำที่เพียงพอ เกี่ยวกับผลกระทบของเทคโนโลยี ที่มีต่อการจ้างงาน ประเภทงานที่ยังคงอยู่ และประเภทงานที่จะสูญหายไป หรือเปลี่ยนแปลงไปในอีก 2-3 ปีข้างหน้า อันเนื่องมาจากผลกระทบของระบบดิจิทัล 

นอกจากนี้การทำงานร่วมกับเอ็มเอ็กซ์ดี ทำให้บริษัทฯ ทราบว่าเกือบครึ่งของตำแหน่งงานทั้งหมด ในภาคการผลิตคิดเป็นร้อยละ 49  ต้องมีการเปลี่ยนแปลงภายใน 3-5  ปีข้างหน้า เนื่องจากอุตสาหกรรม จะเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ระบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

กว่า 1 ใน  4  ของตำแหน่งงานในพื้นที่การผลิตในโรงงานจะสูญหายไป   ขณะเดียวกันยังได้ระบุตำแหน่งงานใหม่ขึ้นอีก 165 ตำแหน่ง  ซึ่งตำแหน่งงานส่วนใหญ่ จะเป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญการทำงานร่วมกับหุ่นยนต์   อีกทั้งงานวิจัยยังพบด้วยว่า การใช้เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอสำหรับการทำให้เกิดพลังที่เข้มแข็งในองค์กร  แต่ยังต้องพัฒนา “ผู้บริหารดิจิทัล” ซึ่งเป็นกลุ่มผู้นำ ที่มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ และพร้อมทำงานในระบบดิจิทัล  รวมถึงมีความทุ่มเท ในการสร้างวัฒนธรรมและสมรรถนะที่จำเป็นภายในองค์กร เพื่อสร้างโอกาส และขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ระบบดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพและสำเร็จลุล่วง

นอกจากนี้ ผลวิจัยยังระบุอีกว่าร้อยละ 16 ของบริษัท คาดการณ์ว่าจะเพิ่มจำนวนพนักงาน ในสายงานไอที ซึ่งจะเป็นการขยายช่องว่างที่มีอยู่ระหว่างอุปสงค์และอุปทานแรงงาน  ในขณะที่ร้อยละ 38 ขององค์กรกล่าวว่าการฝึกอบรมทักษะด้านเทคนิคที่เป็นที่ต้องการ และเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก   

นอกจากนี้ ในการฝึกอบรมทักษะด้านการสื่อสารและประสานงาน เป็นเรื่องที่ยากกว่า  ขณะที่ความต้องการทักษะด้านนี้ เพิ่มสูงขึ้นในทุกอุตสาหกรรม โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 26 ในประเทศสหรัฐอเมริกาและร้อยละ 22 ในทวีปยุโรป  พร้อมกันนี้ยังมีการระบุอีกว่าภายใน 5 ปี คนในกลุ่มมิลเลนเนียล และรุ่นแซดจะมีจำนวนมากกว่า 2 ใน 3  ของแรงงานทั่วโลก และแรงงานส่วนใหญ่ร้อยละ 87 ต้องการงานที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น งานสัญญาจ้าง, งานพาร์ทไทม์, และงานชั่วคราว

อย่างไรก็ตาม องค์กรธุรกิจทุกขนาด อาจจะเผชิญกับปัจจัยและปัญหาต่างกันออกไป  ตัวอย่าง องค์กรหรือบริษัทขนาดใหญ่ ที่มีความต้องการทักษะที่สำคัญ และเร่งพัฒนาอย่างรวดเร็ว อาจต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการแย่งชิงบุคลาการที่มีความสามารถสูง

และเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะดังกล่าว บริษัทต้องยอมลงทุนทั้งด้านเวลา ทรัพยากร และวางกลยุทธ์ในการฝึกอบรมเพิ่มมากขึ้น  ส่วนทางด้านองค์กรหรือบริษัทที่มีขนาดเล็กลงมา อาจจะมีงบประมาณในการลงทุนน้อยกว่า และยังมองว่าการฝึกอบรมข้างต้นใช้เวลานานเกินไป  รวมทั้งต้องวางแผนอย่างรัดกุม และพยายามหาทางให้บริษัทยังคงเป็นผู้นำในตลาดให้ได้อย่างต่อเนื่อง  ดังนั้นในบริบทเช่นนี้ การวางแผนกำลังคนจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับองค์กรทุกประเภท

ในอนาคตจะมีลักษณะของการพัฒนาตำแหน่ง และบทบาทหน้าที่ของการทำงานอย่างรวดเร็ว จากการระบุตำแหน่งงานจำนวน 165 ตำแหน่งในสายงานผลิต แมนพาวเวอร์กรุ๊ปได้ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ โดยเฉพาะในภาคการผลิตให้เตรียมพร้อมรองรับความจำเป็นในการเติบโตในอนาคต  การใช้ระเบียบวิธีการเดียวกัน ในการแบ่งย่อยตำแหน่งหน้าที่และความรับผิดชอบงานที่คาดการณ์ไว้  ซึ่งจะทำให้องค์กรหรือบริษัทต่าง ๆ สามารถวางแผนความต้องการในอนาคตเมื่อเทียบกับกำลังคน(แรงงาน)

ตลอดจนการปรับเปลี่ยน ตามสถานการณ์ปัจจุบันโดยการเพิ่มพูนทักษะ การว่าจ้างด้วยตนเอง และการว่าจ้างจากบริษัทภายนอก ไม่มีอุตสาหกรรมใดที่รอดพ้นจากการปฏิวัติเทคโนโลยีดิจิทัล แต่ทุกอุตสาหกรรมจะต้องเตรียมพร้อมเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงได้มีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ แมนพาวเวอร์กรุ๊ป  สรุปถึงภาพรวมตลาดแรงงานของอุตสาหกรรมการผลิต จากผลวิจัยดังกล่าว ถึงแม้จะมีปัจจัยบอกและปัจจัยลบ ตามผลวิจัยข้างต้นมาเป็นส่วนสำคัญให้องค์กรทั้งขนาดเล็กจนถึงใหญ่ ต้องวางยุทธศาสตร์และการพัฒนาทักษะแรงงานให้ทัน และพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทคโนโลยีเข้ามาเป็นเครื่องมือในการผลิต รวมทั้งตำแหน่งงานใหม่ ในภาคการผลิตที่จะเกิดขึ้นอีก 165 ตำแหน่ง ที่ชี้ให้เห็นว่าจะต้องเป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญการทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ เพื่อขับเคลื่อนองค์กรธุรกิจและยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถ รองรับการแข่งขันในอุตสาหกรรมต่อไป